เมื่อวันที่ 3 ม.ค. เอพีรายงานว่า
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำสถิติต้อนรับปีใหม่พุ่งทะยานแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรก ในวันพุธที่ผ่านมา แม้ว่าจะปรับลดลงมาเล็กน้อย แต่ก็ตีกลับไปอีกในช่วงเปิดตลาดวันพฤหัสบดี เพราะตลาดวิตกกับปัจจัยหลายด้าน ทั้งปริมาณน้ำมันในตลาดที่อาจไม่สมดุลกับความต้องการรองรับเศรษฐกิจของจีนและอินเดียที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน การอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์ และความตึงเครียดทางการเมืองในหลายประเทศ เช่น ไนจีเรีย ชาติผลิตน้ำมันที่เกิดเหตุรุนแรงขึ้น ขณะที่การผลิตน้ำมันในเม็กซิโกเพื่อส่งออกต้องหยุดชะงักเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทางการสหรัฐยังคงประกาศว่า
จะไม่ปล่อยน้ำมันจากคลังสำรองน้ำมัน ถ้าไม่ใช่กรณีจำเป็นเร่งด่วน โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปริมาณสำรองน้ำมันสหรัฐอยู่ที่ 694 ล้านบาร์เรล กระทรวงพลังงานเร่งกำลังผลิตให้ถึงเป้าของรัฐบาลที่ 727 ล้านบาร์เรล ด้านกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่างโอเปกแถลงว่า ไม่อาจเพิ่มกำลังผลิตไปอีกอย่างน้อย 17 ปีข้างหน้า แม้จะคาดกันว่าความต้องการน้ำมันของโลกปีนี้จะขึ้นสูงเกินกำลังผลิต
ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีตงวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์
ที่ตลาดนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ เพิ่มขึ้น 4.02 ดอลลาร์ แตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลช่วงสั้นๆ ก่อนลดระดับมาที่ 99.62 ดอลลาร์ และเช้าวันพฤหัสบดีตีกลับไปอีกเป็น 99.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่ตลาดลอนดอนขยับขึ้นไปอยู่ที่ 97.84 ดอลลาร์
ฝั่งเอเชีย น้ำมันดิบทำสถิติแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเช่นกัน
เพิ่มจากเดือนสิงหาคมปีก่อนร้อยละ 44 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 57 จากสิ้นปี 2549 สร้างความวิตกให้ผู้บริโภคและธุรกิจทั่วเอเชียว่า ต้นทุนค่าขนส่งต่างๆ จะเพิ่มขึ้น กระทบราคาสินค้าและอาหารให้แพงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ที่มาเลเซียคาดว่า
รัฐบาลจะต้องอัดฉีดเงินเพื่อพยุงราคาน้ำมัน 10,000 ล้านดอลลาร์ทุกปี แต่นายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ส่งสัญญาณว่าจะลดเงินส่วนนี้ลง ส่วนผู้เชี่ยวชาญพลังงานของอินโดนีเซีย ในฐานะสมาชิกกลุ่มโอเปก เตือนว่า ราคาน้ำมันอาจเพิ่มไปเรื่อยๆ อยู่ในระดับ 100-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
