วัดป่าหลวงตามหาบัวฯ หรือวัดเสือ หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ที่เคยเป็นข่าวดังเกรียวกราวเรื่องการเลี้ยงเสือโคร่งขนาดใหญ่ 8 ตัว จนเชื่องสามารถจูงเดินเล่นได้เหมือนแมวมาจนถึงเรื่องเสือโคร่งถูกมนุษย์ใจบาปลอบวางยาเบื่อฆ่าตายคากรงเมื่อปี 2544 ล่าสุดก็ตกเป็นข่าวดังอีกรอบเรื่องการเรียกเก็บค่าผ่านประตูวัดเข้าชมการเลี้ยงเสือแพงเกินเหตุ โดยเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 1 ม.ค. ผู้สื่อข่าว จ.กาญจนบุรี ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่เดินทางไปที่วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ว่า ทางวัดเรียกเก็บเงินค่าผ่านประตูเพื่อเข้าชมเสือและสัตว์ป่าที่เลี้ยงไว้ในวัดแพงเกินเหตุ จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
พบกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 200 คน ยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวัด
เป็นประตูอัลลอยขนาดใหญ่ทาสีน้ำเงิน ด้านบนเป็นซุ้มติดตราสัญลักษณ์ของวัด โดยประตูถูกลากออกมาปิดช่องทางเข้าวัดเหลือเพียงช่องว่าง ให้คนเดินเข้าออกได้ครั้งละ 1 คนเท่านั้น มีเจ้าหน้าที่ของวัดในชุดเครื่องแบบคอยตรวจบัตรผ่านประตูอย่างเข้มงวด ส่วนบริเวณฝั่งซ้ายของประตูมีการตั้งเต็นท์กองอำนวยการขายบัตรผ่านประตู มีเจ้าหน้าที่เป็นชายและหญิงอย่างละคนยืนคุมเชิงรอขายบัตรให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจซื้อบัตรเช้าชม ส่วนใหญ่ เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์
ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ พากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องการจัดเก็บค่าผ่านประตูวัดแพงเกินเหตุ
โดยนายสมเกียรติ วรฉัตร อายุ 31 ปี ชาวบ้าน ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เผยว่า แม้จะเป็นคนในพื้นที่แต่ก็ยังไม่มีโอกาสมาเที่ยวที่วัด สมัยก่อนได้ยินชื่อเสียงของวัดก็รู้สึกศรัทธา จนกระทั่งวันนี้ซึ่งเป็นวันปีใหม่ จึงถือโอกาสพาคนในครอบครัวและเด็กๆที่เป็นลูกหลานมาเที่ยว แยกเป็นผู้ใหญ่ 3 คน เด็กอีก 10 คน รวม 13 คน พอมาถึงทางวัดกลับต้องซื้อบัตรผ่านประตูคนละ 300 บาท ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เสียอัตราเดียวกันหมด และเป็นอัตราเดียวกับที่เก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ พอสอบถามถึงเหตุผลที่เรียกเก็บเงินค่าผ่านประตู แพงลิบลิ่ว ทางเจ้าหน้าที่กลับชักสีหน้าไม่พอใจ พูดน้ำเสียงห้วนๆว่าค่าอาหารเสือมันแพง จะเข้าก็จ่ายเงินมาคนละ 300 บาท เมื่อพูดจากันไม่รู้เรื่องก็เลยต้องถอยกลับออกมา “เฉพาะครอบครัวผมครอบครัวเดียว ถ้าจะเข้าไปในวัดต้องจ่ายถึง 3,900 บาท แบบนี้ใครจะเข้า เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า บอกได้คำเดียวว่าเสียความรู้สึกมาก ทำเหมือนไม่ใช่วัด” นายสมเกียรติสรุปทิ้งท้ายก่อนจะขับรถพาครอบครัวกลับไป