ตรงเข้าลักขโมย ฉกชิงวิ่งราว
ยามใดที่ “มาม่า” ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มักจะเป็นดัชนีชี้วัดว่า “เศรษฐกิจไทย” อยู่ในยามยาก พอ ๆ กับยามใดที่พวก “มิจฉาชีพทางการเงิน” ผุดขึ้นมาใช้สารพัดวิธีการฉ้อฉล ทุจริต ลักลอบโกงการทำธุรกรรมทางการเงินของคนที่รู้เท่าไม่ทันมาเป็นของตัวเองกระจายทั่วบ้านทั่วเมืองไปหมด ก็เป็นดัชนีบ่งบอกได้ว่า ปากท้องชาวบ้านเริ่มไม่อิ่ม และกำลังโหยหา “เงิน” ที่จะนำมาเลี้ยงปากท้องของตัวเองและครอบครัวให้อยู่รอด
คนที่มีแต่กำลัง ก็อาจจะไม่คิดมากนัก ตรงเข้าลักขโมย ฉกชิงวิ่งราว หนักข้อขึ้นมาก็ปล้น ชิงทรัพย์ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ใช้ความฉลาดเฉลียวของตัวเองในทางที่ผิด คิดค้นหาสารพันวิธีการทำให้เงินชาวบ้านมาอยู่ในกระเป๋าตัวเองแบบคลาสสิก และมั่นใจว่าแยบยลมากพอที่ตำรวจจะสาวไม่ถึง โดยอาศัยความโลภ อยากได้เพิ่ม ความกลัว ความหวาดวิตกเป็นเครื่องมือตกเหยื่อ แถมทำตัวเสมือนพยาธิตัวจี๊ด เมื่อจับเท็จได้ทางหนึ่ง ก็จะมีวิธีใหม่ไปโผล่อีกทางหนึ่งแทน
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ เมื่อตลอดปี 50 ที่ผ่านมา มักจะได้ยินข่าวการฉ้อโกงด้วยกลวิธีที่แยบยล ไปจนถึงวิธีการที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ก็มีให้เห็นกันในยุคนี้ พ.ศ.นี้ ลองดูตัวอย่างของปีนี้กันดู