อีกไม่กี่อึดใจ จะปิดฉากปีหมูโชกเลือด ถือเป็นปีแห่งความสับสนวุ่นวาย ทั้งเหตุบ้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน ก็ทิ้งมันไป ตอนนี้มาเตรียมตัวเตรียมใจสู่ปีชวด ลองลุ้นกันว่า เศรษฐกิจจะคืนชีพเป็นดาวพุ่งแรงอีกครั้ง หรือยังหกคะเมนตีลังกาล้มยาว ผ่านมุมมองสารพัดโหรจับยามสามตา หลังต้นปีหมูก็เคยฟันธง ณ พื้นที่แห่งนี้ เหตุการณ์ดุเด็ดเผ็ดมัน ตรงเผงมาหลายเรื่อง ขอย้ำ ! ปีชวด ก็ชวนเสียวไม่แพ้ปีกุน แถมยังมีปรากฏการณ์ให้ชวนลุ้น ต้องติดตาม พร้อมฟังคำพยากรณ์จากหน่วยงานหลักที่ดูแลเศรษฐกิจ เชือดเฉือนกัน ประเดิมด้วยโหร “โสรัจจะ นวลอยู่” ขึ้นชื่อฟันตรง ฟันแรง ตรงเผงมาหลายเรื่อง อดีตไม่รู้ลืม ไล่มาตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิ 11 ก.ย. ฝันร้ายของสหรัฐ ถึงเหตุการณ์ปฏิรูปการปกครอง 19 ก.ย. “โปรดฟังอีกครั้ง” และปีที่ผ่านมา โหรโสรัจจะ ฟันธงเหมือนมีตาทิพย์ จนน่าสะดุ้งโหยง ทั้งเกิดเหตุระเบิดตูมตาม ใจกลางกรุงเทพฯ เดือน ม.ค. พนักงานบริษัทใหญ่ถูกปลดกลางปี และเดือน ก.ย. มีเครื่องบินระเบิด ตายหมู่ก็ตรงกับเครื่องบิน วันทูโก ระเบิดพอดิบพอดี สิ้นปีมีน้ำท่วมใหญ่ทางภาคใต้ ก็ลองตรองดูผิดถูกหรือไม่ ปีหนูติดเชื้อร้าย ปีนี้โหรโสรัจจะ มองปีชวด สุดวิปโยค ยกให้เป็นปีหนูติดเชื้อร้าย ทั่วไปสภาพยังไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไทยจะเกิดความวุ่นวาย ด้วยเหตุว่าดาวอังคาร บาปเคราะห์อันให้โทษทะลุทะลวงอย่างร้ายกาจ อยู่ในตำแหน่งให้โทษ ดาวพระเสาร์ยังสถิตอยู่ในราศีสิงห์ตลอดปีนี้ และราหูย้ายจากราศีกุมภ์ เข้าสู่ราศีมังกร ทำมุมตั้งฉากกับลัคนาเมืองวันที่ 17 เม.ย.นี้ และยังอยู่ต่อเนื่องอีกทั้งปี พร้อมไล่เรียงเหตุการณ์สำคัญแต่ละเดือน เดือน ม.ค. รถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงเทพฯ จะถูกลอบวางระเบิด ลุกท่วมเป็นไฟ มีคนล้มตายเป็นหมู่ ภาคใต้จะถูกก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ น้ำมันเชื้อเพลิงจะขาดแคลน ราคาจะสูง บ้านเมืองจะปฏิรูปเป็นการใหญ่ ธนาคารแห่งประเทศไทย คงถอยหลังกู่ไม่กลับ คนงานในบริษัทใหญ่ ข้าราชการ ต้องถูกปลดออกจากงาน เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำ ธนาคาร และสถาบันการเงินซวนเซ หุ้นตกแบบท้องร่วง เกิดโรคระบาดร้ายแรงทั่วประเทศ เกิดภัยแล้ง ปลายเดือน กรุงเทพฯ มีการก่อวินาศกรรมครั้งรุนแรง สถานทูตหลายประเทศถูกทำลาย เดือน ก.พ. กรุงเทพฯ จะถูกก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ ตายหมู่จากเครื่องบิน รถยนต์ ภาวะการเงินตึงตัวเศรษฐกิจประเทศเริ่มตกต่ำ คนงานถูกปลด ข้าวยากหมากแพง หุ้นตกอย่างวินาศสันตะโร สถาบันการเงินและธนาคารล้ม กลาง เดือนเกิดความแห้งแล้ง สถานการณ์ทางภาคใต้เพิ่มความร้อนแรง เกิดระเบิดพลีชีพหลายจุด เกิดโรคระบาด ทั้งเก่าและใหม่กระจายไปทั่วประเทศ เดือน มี.ค. ภาคใต้ยังร้อนเป็นไฟ ธุรกิจท่องเที่ยวระยะนี้ ไม่สู้ดีนัก พืชไร่ต่าง ๆ ไม่ได้ผล จะเกิดทุกข์ภัย หุ้นอับเฉา ไฟไหม้หลายจังหวัด ดาวแห่งสยามโคจร เข้ามุมฉากกับดาวบาปเคราะห์ที่ทำมุมจตุโกณ เห็นชัดว่า บ้านเมืองยังคงยุ่งยาก ทั้งในและนอกประเทศ เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเกาะสุมาตรา และมีผลกระทบ ถึงไทยอย่างรุนแรง ตึกรามบ้านช่องในกรุงเทพฯถล่ม เดือน เม.ย. เป็นเดือนที่มีเหตุการณ์ สุดหฤโหดหนักหน่วงที่สุดในรอบปี มีการลอบวางระเบิดชนิดร้ายแรงกว่าที่เคยมีมาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญกับหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ที่ก่อหวอดการเมืองไทยอาจเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่ อาจมีผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง หุ้นดิ่งลงเหวลึก ธนาคารเกิดปัญหาใหญ่ยุ่งเหยิง เรือโดยสารล่ม ตายหมู่นับสิบ ปลายเดือนคนงานบริษัทใหญ่ถูกลอยแพ รัฐบาลไม่สามารถแก้อะไรได้ ปลายเดือนบุคคลในเครื่องแบบมีบทบาท เกิดการจลาจลรัฐประหารครั้งใหญ่ ปาฏิหาริย์รอบ 100 ปี เดือน พ.ค. เป็นอีกเดือนที่สุดหฤโหด ต่อเนื่องจาก เม.ย. ทางใต้ยังถูกก่อวินาศกรรม สุดโหดเหี้ยม เป็นดวงเมืองบางกอกเป็นระยะ น่าวิตก จะเกิดการผ่าตัดปฏิรูปเป็นการใหญ่ แบบพลิกแผ่นดินขึ้นในเมืองไทย เป็นระยะที่นายกรัฐมนตรีเป็นอันตราย หุ้นจะตกอย่างรุนแรง อาจจะปิดชั่วคราว ธนาคารขนาดใหญ่ล้ม ประสบ ภาวะเงินฝืด กำลังซื้อลดลง คนงานอาจได้รับความกระทบกระเทือน เนื่องจากลดผลผลิต โรงงานส่วนใหญ่ปิดลง ปัญหาการว่างงานจะมีตามมา เดือน มิ.ย. สนามบินสุวรรณภูมิ ถูกก่อวินาศกรรม ตึกสูงทรุดตัว อุบัติเหตุใหญ่ จะเกิดทั้งเดือน มีการตายหมู่จากเครื่องบินตก รถยนต์ ทางเรือ เศรษฐกิจถดถอย เกิดโรคระบาด และภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภค กลางเดือน ธนาคารและสถาบันการเงินซวนเซ ผู้คนแห่ถอนเงิน ตลาดหุ้นไทยยังอับเฉาสุดจะเยียวยา นักเลงหุ้นมีหุ้นส่วนมหาศาล ถึงขั้นล้มละลาย นักเลงหุ้นบางรายรวบรวมสมัครพรรคพวกบุกทำลายตลาดหลักทรัพย์ เกิดโรคระบาดในสัตว์ภาคเหนือ หมูนับหมื่นล้มป่วยตาย เดือน ก.ค. ทางใต้จะอพยพผู้คนไป ยังดินแดนแห่งใหม่ที่ปลอดภัย บ้านเมืองจะถูกปฏิรูปเป็นการใหญ่ นักวิชาการจะมีบทบาท บริหารบ้านเมือง ดวงดาวแห่งประเทศไทย ถอยหลังชนิดกู่ไม่กลับ บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาทคึกคักขึ้น เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ในภาคเหนือ มีอุบัติภัยทางทะเล และเครื่องบิน มากกว่าระยะอื่น บ้านเมืองยังประสบปัญหาภาวะ เศรษฐกิจตกต่ำ หุ้นตกวินาศสันตะโร ธนาคารจะเข้าสู่จุดคับขัน เดือน ส.ค. หุ้นตก เศรษฐกิจล้มเหลว ประชาชนมีแต่หนี้สิน ข้าวยากหมากแพง หุ้นตกกราวรูด สินค้าขึ้นราคา เกิดภาวะขาดแคลน เครื่องอุปโภคบริโภค เศรษฐกิจล้มเป็นเบี้ยล่าง ต่างชาติ กรุงเทพฯ ถูกก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ สูญเสียผู้คนจำนวนมาก เดือน ก.ย. เกิดปัญหา ภาคใต้ ทำให้ทั่วโลกตะลึง เกิดจลาจลนองเลือด เกิดน้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัด กรุงเทพฯ ต้องจมอยู่ใต้บาดาล หุ้นยังตกอย่างรุนแรง เดือน ต.ค. ทางใต้ขอแบ่งแยกดินแดน เพื่อปกครองตนเอง เศรษฐกิจพังพินาศ หุ้นตกลงเหว ต้องหนีหนี้ฆ่าตัวตาย เงินเฟ้อไม่มีค่า ซื้อข้าวของไม่ได้ เหมือนเศษกระดาษ คนงานในบริษัทถูกปลด เดือน พ.ย. เป็นระยะที่ดาวเคราะห์เบียดหนัก การแตกแยกสามัคคีภายในบ้านเรา ขัดแย้งเป็นปรปักษ์ทางการเมือง เดือน ธ.ค. สภาพภูมิอากาศหนาวจัดที่สุดในรอบร้อยปี มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก และเกิดปรากฏการณ์ “หิมะตกในเมืองไทย” ครั้งแรกทำให้ทั่วโลกตกตะลึง วิกฤติภาคใต้ลามเข้ากรุงเทพฯ หุ้นยังตกต่อเนื่อง การเมืองเต็มไปด้วยความผันผวน วิกฤติข้าวยากหมากแพง ธนาคารล้ม ตลาดหลักทรัพย์ปิดตัวลง พินาศย่อยยับ “หมอนิด”ชี้เศรษฐกิจดิ่งเหว รายต่อไป หมอนิด “กิจจา ทวีกุลกิจ” เจ้าของคำทำนาย ปี 49 รัฐบาลทักษิณพัง! เพราะดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นรัฐบาล 2 ไม่ครบเทอม มองปี 51 เป็นปีหนูพิฆาต พิฆาตทั้งเรื่องเศรษฐกิจ และผู้ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรี ใครที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เตรียมตัวรับกรรม เพราะประชาชนจะขาดความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามแม้ที่ผ่านมา หลายสำนักมองว่า เศรษฐกิจปี 51 จะดีขึ้น อย่าไปตั้งเป้าไว้สูงมาก เพราะตนมองว่าปี 50 แม้เป็นปีที่เศรษฐกิจย่ำแย่ แต่ปี 51 จะเป็นปีเศรษฐกิจยับเยิน จะมีโรงงานต่าง ๆ ปิดตัว ทำให้มีคนตกงานอีกจำนวนมาก ค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงภาคการส่งออก “ผมพูดได้เลยว่า เศรษฐกิจปี 51 มีแต่ดิ่งเหว และไม่ได้ดิ่งธรรมดา จะดิ่งลงอย่าง น่ากลัว ภาคส่งออก เดี้ยงเห็น ๆ ดังนั้นผู้ที่จะ ส่งออกต้องเตรียมตัวป้องกัน จะต้องหาวิธีว่าจะป้องกันอย่างไร และการส่งออกยังเจอประเทศคู่แข่งที่น่ากลัวเข้ามาซ้ำเติมอีก” อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือน ม.ค. ข้าวของจะขึ้นราคา และเข้าสู่ภาวะข้าวยากหมากแพง ขึ้นเรื่อย ๆ จะมีคดีจี้ปล้น ระบาดไปทั่ว เพราะเกิดจากการตกงาน ไม่มีเงิน ข้าวของแพง ยาเสพติดจะกลับมาระบาดอีก ธุรกิจประเภทเงินกู้นอกระบบจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง และเศรษฐกิจเดือน ก.ค.-ต.ค. จะเป็นจุดที่แย่ที่สุด ต่อให้ 10 รัฐมนตรีทั้ง กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ที่เก่งขนาดไหน ก็เอาไม่อยู่ กู้ได้ไม่หมด เพราะดิ่งเหวลงมาตลอด เป็นปัญหาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 50 จะหนักเป็นทวีคูณ รัฐบาลใหม่จะมีอายุไม่เกิน 1-2 ปี ต้องยุบสภา เหมือนว่ายังไม่ทำอะไรให้กับประเทศ ก็เกิดเหตุการณ์ต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่แล้ว ประชาชนก็จะเบื่อหน่าย พรรคการเมืองจะยุ่งเหยิง อย่าคิดว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะเชื่อมั่นรัฐบาล นักลงทุนจะเบื่อหน่ายรัฐบาลเช่นกัน และแผ่นดินอาจไหว เกิดคลื่นสึนามิอีกครั้ง ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ในภาคใต้ ให้ระวังแหล่ง เศรษฐกิจแหล่งท่องเที่ยว จะมีการก่อวินาศกรรมครั้งยิ่งใหญ่ ภัยธรรมชาติ ในปี 51 อย่ามองข้าม อาจเกิดภัยธรรมชาติครั้งรุนแรงเข้ามาอีกในช่วงครึ่งปีหลัง อาจเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิอีกครั้ง ซึ่งจะทำลายพืชผลเกษตรกร รายได้เกษตรกร ปีหนูจะย่ำแย่ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ปลูกผลไม้ ทั่ว ๆ ไป เช่น มะม่วง ลำไย เพราะภัยธรรมชาติ เพราะฉะนั้นผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องหาวิธีช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะการเจาะตลาดต่างประเทศ ต้องให้ผลไม้ไทยตีตลาดต่างชาติให้ได้มากที่สุด แต่เกษตรกรที่ปลูกพืช พลังงานทดแทน เพื่อผลิตไบโอดีเซลยังดีอยู่ สำหรับธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งในปี 51 คือ สินค้าที่จับกลุ่มคนไฮโซ เช่น เครื่องประทินผิว และกลุ่มวัยรุ่น ที่มักใช้เงินอย่างเดียว ส่วนธุรกิจ ดาวร่วง คือ สิ่งทอ อัญมณี เต็นท์รถมือสอง อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ ยังไม่ร้อนแรงเท่าที่ควร จะมีขึ้นลงเป็นธรรมชาติ แต่ที่หุ้นขึ้น เป็นเพราะแรงปั่น นักลงทุนรายย่อย ต้องระวังให้ดี อย่าเป็นแมงเม่าบินเข้ากองไฟ อย่างไรก็ตามปีนี้อยากให้ทุกคนยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สินค้าที่ไม่จำเป็นให้ตัดออก ทุกคนต้องประหยัด หวั่นเกิดสึนามิเศรษฐกิจ-เชื่อปี 53 ฟื้น โหรรายต่อไป “ซินแส ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล” หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง เจ้าของวลีเด็ด “ทักษิณ ไม่มีแผ่นดินจะอยู่” ทำนาย ปี 51 เป็นปีชวด ธาตุดิน จะเริ่มส่งผลให้เป็นปีหนู แห่งความจุกจิก ยุ่งเหยิง เป็นปีแห่งข่าวโคมลอย ข่าวความจริงที่เหลือเชื่อ จะคละเคล้ากับข่าวที่เป็นเท็จที่น่าเชื่อถือ ถูกนำมาปรุงแต่ง เพิ่มสีสันให้ทุกคนเกิดความหวั่นวิตก จนเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าลงทุนขยับขยายอะไร ภาพรวมเศรษฐกิจปี 51 สังคมภายนอกจะรู้สึกว่าดี จากการปิดข่าว สร้างภาพ และปัญหาที่สั่งสมมา และโยงไปข้างหน้า จะเกิดคลื่นยักษ์ทางเศรษฐกิจ “สึนามิเศรษฐกิจ” ที่อานุภาพร้ายแรงกว่าวิกฤติ ต้มยำกุ้ง ปี 40 เสียอีก ถ้าทุกคนมีความประมาท ไม่ระมัดระวังธุรกิจ อาจพังพินาศโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว “ปีนี้เป็นช่วงที่คนในสังคมส่วนรวม ต่างยึดถือเงินเป็นที่ตั้ง ไม่มองแหล่งที่มาของเงิน ไม่มองถึงความถูกต้อง และไม่สนใจความผิดชอบชั่วดี ทำให้กลุ่มคนดี ๆ จะอยู่ในสังคมไม่ได้ เนื่องจากผลพวงที่ยุ่งยาก มาก่อกวนอยู่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เปรียบเสมือนเป็นไฟในปีจอ ธาตุไฟ และปีกุน ธาตุไฟมาแผดเผาทุก ๆ สรรพสิ่งลงสู่ดินในปี 51 ซึ่งเป็นปีหนู ธาตุดิน” ส่วนภาคธุรกิจที่ยังไปได้ในปัจจุบัน และอนาคต ยังคงเป็นธุรกิจด้านบริการ ด้านการเงิน เช่น ตลาดหลักทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเงินตรา แต่ต้องติดตามข่าวสารให้ดี เพราะมีความผันผวนแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ด้านเทคโนโลยี ด้านสื่อสาร พลังงานที่ยังเป็นความต้องการของสังคมโลกที่ต้องขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้านการศึกษาต้องพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันโลก คือ นักจิตวิทยา นักการทูต การพูด การติดต่อ ประสานงาน คือ เรื่องภาษาจะต้องรู้อย่างน้อย 2-3 ภาษา จึงจะติดต่อธุรกิจในสังคมโลกกว้างได้ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังคงหนักและเหนื่อยในระยะนี้ ที่เศรษฐกิจมหภาคไม่ดี เป็นยุค “สึนามิเศรษฐกิจ” ซึ่งจะค่อย ๆ ไปทรงตัวในปี 52 และจะก้าวต่อไป มีความรุ่งโรจน์ในช่วงปี 53-54 ถ้าใครลงทุนแล้ว จำเป็นต้องลุยต่อไป ซึ่งถ้าใครอยู่ในทำเลฮวงจุ้ยดีก็ยังไปได้ด้วยศักยภาพตัวมันเอง แต่ถ้าใครไม่ทันได้ลงทุน รออีกปีดีกว่า ทุกอย่างจะพลิกผันดีกว่าปีนี้อีกเยอะ นักวิชาการเชื่อเศรษฐกิจสดใส หลังฟังโหรจับยามสามตา ชนิดขนลุก เกลียวกันไปแล้ว ลองหันมาฟังเสียงผู้บริหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูบ้าง จะได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เพราะแต่ละหน่วยงาน ยังมองสถานการณ์ปีชวด เป็นปีหนูน้อยหรรษา สดใสซาบซ่า ไร้อาการซึมเศร้าเริ่มต้นด้วย ธปท. ถือเป็นหน่วยงานที่โดนโหรฟันกระหน่ำซัมเมอร์เซล ทั้งค่าเงินบาทผันผวน ธปท. ร่อแร่ แต่ “ธาริษา วัฒนเกส” ผู้ว่าการ ธปท. ยันเสียงแข็ง แรงกดดันค่าเงินปี 51 จะลดลง เพราะภาคการส่งออกคาดว่าจะชะลอลง จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่การนำเข้าคาดว่า จะมากขึ้น เพราะความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้น และมีความต้องการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะทำให้เกินดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัดน้อยลง และถ้าความต้องการ ในประเทศแข็งแกร่งมาก ก็อาจขาดดุลเล็กน้อย จึงทำให้แรงกดดันค่าเงินบาทแข็งค่าน้อยลง ส่วนกรณีที่ทุกโหร มองเศรษฐกิจดิ่งเหว แย่ยิ่งกว่าปีวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 “อำพน กิตติอำพน” เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เจ้าสำนักฟันธงเศรษฐกิจ กลับบอกว่า ยังไงก็ไม่เชื่อกับการทำนายของโหร หรือนักวิชาการบางคนที่บอกว่าเศรษฐกิจปี 51 เผาจริง เพราะ สศช. มั่นใจในความเป็นจริง เพราะแม้จะมีปัญหาบ้างจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงคาดว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยอยู่ในเกณฑ์ดี และแนวโน้มภาพรวมปี 51 ก็เริ่มดีทั้งการลงทุน ความมั่นใจการบริโภค การเพิ่มเงินค่าจ้างของแรงงาน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวที่ 4-5% ซึ่งแนวโน้มจะดีกว่าปี 50 “บางครั้งการพยากรณ์ที่ไม่มีข้อมูลด้านเศรษฐกิจ อาจทำให้ผู้ทำงานเหนื่อย แต่พวกเราก็ไม่ย่อท้อ เพราะกลไกที่ส่วนราชการดำเนินการ สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ซึ่งเรามั่นใจว่าทุกฝ่ายไปได้ดี” ด้านตลาดหุ้นที่ถูกมองว่าจะอับเฉา หุ้นออกอาการท้องร่วง “ภัทรียา เบญจพลชัย” กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ฟันธงเปรี้ยงว่า ดัชนีตลาดหุ้น มีโอกาสปรับขึ้นถึงระดับ 1,000 จุด ตามที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ โดยมีปัจจัยบวก จากสถานการณ์การเมืองที่ได้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้ขยาย ตัวดีขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายคึก คักมากและกำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตได้ชนิดก้าวกระโดด แต่ประเด็นที่นักลงทุนควรจับตาอย่างใกล้ชิด คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ หากรัฐบาลชุดใหม่ไม่มีเสถียรภาพ จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” อดีต รมว. คลัง ฟันธง เศรษฐกิจปีหนูไม่น่าเกิน 5% เพราะภาคเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างการส่งออกชะลอแน่ แค่ส่งออกไปสหรัฐที่เดียวก็แย่แล้ว ยังเจอปัญหาราคาน้ำมันอีก หากเกิดเหตุการณ์ระหว่างภูมิภาคขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม แต่แม้การ ส่งออกไม่สดใสเท่าเดิมก็ไม่ได้หมดหวังเสียทีเดียว ที่สำคัญคือต้องเร่งลงทุนในประเทศให้เร็วที่สุด ทั้งรัฐและเอกชน เพราะอั้นมานานแล้ว จำเป็นต้องลงทุน แต่ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้เดินหน้าโครงการลงทุนมาก เอกชนก็รีรอ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาต้องเร่งลงทุนแน่ ตั้งแต่ตอนหาเสียง แต่ละพรรคก็ประกาศจะลงทุนทั้งนั้น แล้วแต่ว่าถนัดด้านไหน ถึงบรรทัดนี้แล้วโปรดฟังอีกครั้งว่า การพยากรณ์ คือ การคาดคะเน ทำนายล่วงหน้า ฝั่งโหร ก็ทำนายตามหลักโหราศาสตร์ ฝั่งผู้บริหาร ก็ทำนายตามหลักเศรษฐศาสตร์ อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่ก็ได้ ดังนั้น อย่าเชื่องมงายจนเกินเหตุ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ตรงกันข้าม การทำนายทายทักล่วงหน้า เพื่อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่รับผิดชอบหน่วยงานต่าง ๆ เดินหน้าอย่างระมัดระวัง มากขึ้น เพราะบทเรียนในอดีตเป็นครูสอนปัจจุบันกันมาเยอะ และหากทุกคนหันมาตั้งสติ เพื่อให้เกิดปัญญาเตรียมรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ พร้อมหันหน้าเดินสายทำบุญ ทำกุศล ทำจิตใจให้มีความแจ่มใส ก็ขอให้ทุกท่านผ่านพ้นปีหนูไปได้ด้วยดี.
จิตวดี เพ็งมาก |