นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินรอบปี 2551-2554 ที่จะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2551 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2554 ว่า การจัดทำบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินในรอบนี้ ได้ดำเนินการทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งแบ่งการจัดทำออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 บัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินรายแปลง โดยมีการจัดทำทั้งสิ้น 5.12 ล้านแปลง ซึ่งเป็นการจัดทำในเขต กทม. จำนวน 1.8 ล้านแปลง และในส่วนภูมิภาคได้จัดทำรวม 23 จังหวัด รวม 63 อำเภอ จำนวน 3.32 ล้านแปลง และส่วนใหญ่ จะเป็นพื้นที่ในเขตอำเภอเมืองและใกล้เคียง ยกเว้นจังหวัดสมุทรปราการ นนทบุรี และอ่างทอง ที่จัดทำได้ครบทุกอำเภอ ส่วนประเภทที่ 2 บัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินรายบล็อกมีการจัดทำทั้งสิ้น 24.9 ล้านแปลง ซึ่งเป็นการประเมินราคาที่ดินแบบเป็นกลุ่มตามแนวถนนและซอย
“สำหรับราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินทั่วประเทศ ปรากฏว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 26.90% โดย กทม.เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.76% ซึ่งราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่ถนนสีลม ตร.ว.ละ 650,000 บาท ส่วนราคาต่ำสุด อยู่ที่เขตหนองจอก ตร.ว.ละ 260 บาท ส่วนในเขตภูมิภาค 75 จังหวัด เพิ่มขึ้นเฉลี่ยในอัตรา 26.97% โดยราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ตร.ว. 400,000 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ใน อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี, อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี, อ.ท่าสองยาง จ.ตาก, อ.แม่แจ่ม อ.ดอยเต่า และ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ตร.ว.ละ 10 บาท”
ทั้งนี้ หากดูเป็นรายภาคจะพบว่าภาคกลางและภาคตะวันออก เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11.71% ราคาสูงสุดอยู่ที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตร.ว.ละ 140,000 บาท, ภาคเหนือเพิ่มขึ้น 15.43% สูงสุดอยู่ที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตร.ว.ละ 250,000 บาท, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 22.97% สูงสุดอยู่ที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตร.ว.ละ 200,000 บาท และภาคใต้ เพิ่มขึ้น 85.79%
นายแคล้ว ทองสม ผู้อำนวยการสำนักประเมินราคาที่ดิน กรมธนารักษ์ กล่าวว่า สำหรับราคาประเมินที่ดินในเขต กทม. พบว่าย่านเยาวราช มีราคาอยู่ที่ ตร.ว.ละ 550,000 บาท, ย่านสำเพ็ง ตร.ว.ละ 500,000 บาท, ย่านเอกมัยอยู่ที่ ตร.ว.ละ 270,000 บาท ส่วนที่ดินบริเวณสยามเซ็นเตอร์ มีราคาอยู่ที่ ตร.ว.ละ 350,000 บาท นอกจากนั้น ในส่วนของราคาประเมินทุนทรัพย์ในภาคใต้ที่มีอัตราเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด เป็นผลมาจากราคาประเมินที่ดินในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินสูงมากอยู่ที่ 366% แต่ในส่วนของมูลค่าก็ไม่ได้มากตามไปด้วย เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งในปัจจุบันถูกใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น อีกทั้งราคาการประเมินเก่าก็มีอัตราที่ต่ำคืออยู่ในหลัก 100 บาท เพิ่มขึ้นเป็นหลัก 10,000 บาท ซึ่งไม่น่าตกใจ.