จ่อเชือดบิ๊กตำรวจทั้งใน-นอกราชการพัวพันทุจริตเงินสึนามิหลังปีใหม่ เผยคณะกรรมการพบหลักฐานเพียบ ผู้จัดการสุสานโวยตำรวจในศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์มาแต่ชื่อแต่ตัวไม่มี ทำศพสึนามิค้างสุสาน 390 ศพ
หลังจากคมชัด ลึก เสนอข่าวความไม่ชอบมาพากลในการเบิกจ่ายเงินบริจาคสึนามิของศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับ (THAI TSUNAMI VICTIM IDENTIFICATION - TTVI)
ภายหลังคณะทูตจาก7 ประเทศ ได้ทำหนังสือทวงถามมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2549 เป็นต้นมา จนสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าวนั้น
ล่าสุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. เปิดเผยว่า
การสอบสวนเรื่องดังกล่าวใกล้เสร็จสิ้นแล้ว โดยเบื้องต้นมีนายตำรวจหลายคนทั้งที่ยังอยู่ในราชการและนอกราชการที่อยู่ในข่ายที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อวันที่24 ธันวาคม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีการสอบสวนความไม่ชอบมาพากลกรณีการทุจริตเงินบริจาคจากต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ว่า หลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสอบสวนกรณีเงินบริจาคสึนามิใหม่ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนชุดเดิมทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากบางส่วนเกษียณอายุราชการและลาออกจากราชการไป
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อว่า
ได้กำชับให้ พล.ต.อ.ปทีป สอบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด และให้ว่าไปตามพยานหลักฐาน ใครผิดก็ว่าไปตามผิดไม่เห็นแก่ใครทั้งสิ้น เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในฝ่ายต่างประเทศได้มีการติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่เป็นระยะ หากคณะกรรมการสอบสวนคลี่คลายเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้หรือกระทำการใดโดยไม่โปร่งใส ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประเทศไทย ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ได้รายงานความคืบหน้าในการสอบสวนให้ตนทราบเป็นระยะ
โดยล่าสุดได้ขอขยายเวลาการสอบสวนออกไประยะหนึ่ง
เนื่องจากติดขัดในเรื่องรายละเอียดของเอกสารบางอย่างที่ต้องตรวจสอบกับฝ่ายต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าในเร็วๆ นี้จะดำเนินการสอบสวนแล้วเสร็จ และต้องมีคนผิดถูกลงโทษอย่างแน่นอน
"เท่าที่ พล.ต.อ.ปทีป รายงานให้ทราบกรณีเรื่องเงินบริจาคสึนามิใกล้เสร็จแล้ว โดยเรื่องดังกล่าวมีนายตำรวจทั้งที่อยู่ในราชการและนอกราชการหลายคนเข้าไปมีส่วนพัวพัน อยู่ในข่ายที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งยืนยันว่าใครทำผิดทำไม่ถูกต้องก็ต้องถูกดำเนินการไป ไม่มีการยกเว้น" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ด้านพล.ต.อ.ปทีปกล่าวว่า
ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในการสอบสวนให้นานาประเทศรับทราบได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับหลายบุคคล ต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอกสารทางการเงิน บิล ใบเสร็จต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาต่างประเทศ จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดไม่เช่นนั้นจะเกิดผิดพลาด ทั้งนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้าไปมากกว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ ภายในเดือนมกราคมนี้ จะสามารถสรุปผลการสอบสวนเพื่อชี้แจงให้คณะทูตจากประเทศต่างๆ รับทราบได้
พล.ต.อ.ปทีปกล่าวต่อว่า
การสอบสวนเกี่ยวกับเงินเบิกจ่ายของกองทุนพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ต้องแบ่งเป็น 2 เรื่องซึ่งมีความสัมพันธ์กันคือเรื่องเงินบริจาคของต่างชาติ และเงินที่ทางการไทยส่งลงไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีบางรายมีการเบิกจ่ายทับซ้อนกันจริง
แหล่งข่าวในชุดสอบสวนกรณีเงินบริจาคสึนามิเปิดเผยกับ "คม ชัด ลึก" ว่า
การสอบสวนของคณะกรรมการชุดที่มี พล.ต.อ.ปทีป เป็นประธาน ได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะรายงานผลการสอบสวนให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พิจารณาดำเนินการต่อไปหลังจากวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ซึ่งผลการสอบสวนสรุปว่ามีนายตำรวจหลายคนทั้งที่อยู่ในราชการและออกจากราชการไปแล้วพัวพันกับเงินบริจาคดังกล่าว ทั้งนี้นายตำรวจเหล่านี้อยู่ในข่ายที่จะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แหล่งข่าวรายเดิมเปิดเผยอีกว่า
หลังจากตรวจสอบเอกสารการเบิกจ่ายเงินจำนวนมากพบความไม่ชอบมาพากลอยู่จำนวนมาก บิลรายการค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อยมีการเบิกจ่ายทับซ้อนกัน อีกทั้งเงินที่มีการเบิกจ่ายกันไปจำนวนไม่น้อยที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
เราได้สุ่มตรวจสอบที่มาที่ไปของบิลทุกใบจากต้นขั้วของบริษัทห้างร้านที่ออกบิล โดยทำจดหมายขอความร่วมมือส่วนใหญ่ให้ความร่วมมืออย่างดี แต่มีบางบริษัทที่เพิกเฉยไม่มีการตอบกลับมา เพราะไม่มีตัวตนจริง ทั้งนี้คณะกรรมการการตรวจสอบได้ลงความเห็นร่วมกันแล้ว สรุปว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความผิดจริง ซึ่งขณะนี้ได้ทำหนังสือส่งไปให้ประธานการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวรายเดียวกันกล่าวอีกว่า
หลังจากมีการแถลงผลการสอบสวนกรณีเงินบริจาคสึนามิแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนเอาผิดทางวินัยกับนายตำรวจที่เข้าไปมีส่วนพัวพันกับเงินบริจาคสึนามิที่มีปัญหา ทั้งในระดับที่เป็นผู้ปฏิบัติงาน และระดับผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยให้มีการเบิกจ่ายเงินโดยมิชอบ
หลังจากเกิดปัญหาความไม่ชอบมาพากลในการเบิกจ่ายเงินบริจาคสึนามิสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปรับผิดชอบงานในศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับ ทำให้การทำงานในศูนย์ดังกล่าวติดขัด
โดยนายนิตินัย ศรสงคราม ผู้จัดการสุสานบางมะรวน จ.พังงา กล่าวว่า
ขณะนี้การทำงานในศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์ชะงักงัน ศพผู้เสียชีวิตที่ยังเหลืออยู่ 390 ศพ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2549 จนถึงเวลานี้เป็นเวลา 1 ปีเต็ม ยังไม่มีการส่งมอบศพให้ญาติแม้แต่ศพเดียวการทำงานภายในศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์หยุดนิ่งมานานแล้วตำรวจที่เข้ามารับหน้าที่ใหม่มีมาเพียงชื่อแต่ตัวไม่ได้มาทำงาน ทุกวันมีญาติคนตายทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาสอบถามความคืบหน้าหวังว่าจะได้พบร่างไร้วิญญาณของคนที่รักอยู่ตลอด แต่พวกผมก็ไม่สามารถตอบคำถามเขาได้" นายนิตินัย กล่าว
นายนิตินัยกล่าวด้วยว่า
เคยทำเรื่องเสนอไปยังผู้มีอำนาจให้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรกับศพที่เหลือหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ทราบว่าประเทศสวีเดน เยอรมนี และอังกฤษ ได้แจ้งความจำนงในการจะส่งผู้เชี่ยวชาญกลับมาช่วยงานนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง แต่ก็ไม่เสียงตอบรับจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตในยุโรป 7 ประเทศ ได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอคำชี้แจงเกี่ยวกับการใช้เงินที่นานาประเทศบริจาคเพื่อใช้ในศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลจากคลื่นยักษ์สึนามิที่อาจจะมีการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ โดยครั้งนั้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนแต่ยังไม่เสร็จสิ้น จนกระทั่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เข้ามารับตำแหน่ง ผบ.ตร. จึงมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยมีพล.ต.อ.ปทีป เป็นประธานเร่งรัดเพื่อสรุปเรื่องดังกล่าว การสอบสวนใช้เวลากว่า 1 ปี ท่ามกลางข้อกังขาของนานาประเทศที่รอคอยผลดังกล่าว