บีบรัฐบาลใหม่ตั้งงบขาดดุลเพิ่ม

ข้าราชการลุ้นปรับเงินเดือนกลางปีชี้กระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น
 
นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษากิตติม ศักดิ์ สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.)

กล่าวในการสัมมนา “เศรษฐกิจปีใหม่กับรัฐบาลใหม่” ว่า รัฐบาลชุดใหม่จะให้ความสำคัญกับการตั้งงบประมาณกลางปี ในปีงบประมาณ 51 เพิ่มเติมแน่นอน เพราะจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มจาก 1.5% ในปี 50 เป็น 2.5% ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเลือกแนวทางการเพิ่มเงินเดือนให้กับข้าราชการอีกครั้งในช่วงกลางปี ขณะเดียวกันต้องพิจารณาแนวทางที่ธนา คารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใช้ดูแลค่าเงินบาทรัฐบาลและการถือครองเงินตราต่างประเทศในขณะนี้ว่าเหมาะสมหรือไม่ หากเห็นว่าเหมาะสมแล้วก็ควรจัดประชุมทำความเข้าใจแก่นักลงทุนและชี้แจงให้ประชาชนรับทราบเป็นการทั่วไป ซึ่งจะทำให้ประชาชนและนักลงทุนนำไปใช้วางแผนทำธุรกิจในอนาคตต่อไป
 
ทั้งนี้จากการ ที่ ธปท.ได้ปรับนโยบายการถือครองสกุลเงินตราต่างประเทศ

โดยลดสัดส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐลงเหลือเพียง 55% เพิ่มการถือครองเงินยูโรเป็น 35% และถือครองเงินเยน ตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ก็เชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ ธปท.จะมีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทเพียง 5,000-10,000 ล้านบาทเท่านั้น จากที่เคยขาดทุนถึง 120,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.50 และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ค่าเงินบาทจะแข็งค่าที่ระดับ 33.61 บาทต่อดอลลาร์
 
ด้านนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สวค. กล่าวเพิ่มเติมว่า

รัฐบาลใหม่ควรตั้งงบประมาณกลางปี 51 เพิ่มอีก 80,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.42% จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 5% ซึ่งจะช่วยรองรับหรือประคองเศรษฐกิจไทยไว้ได้หากต้องได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและสหรัฐที่ชะลอตัวลดลง แต่มีข้อแม้ว่า การตั้งงบประมาณกลางปีต้องนำไปใช้เพื่อการลงทุนเท่านั้น และรัฐบาลยังต้องใช้งบประมาณขาดดุลต่อเนื่องไปจนถึงงบประมาณปี 52 อีก 1.5% หรือประมาณ 1.47 ล้านล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในระดับ 5-6% จากนั้นจึงค่อยกลับมาจัดทำงบประมาณสมดุลในปี 53
 
นอกจากนี้รัฐบาลใหม่ต้องใช้นโยบายภาษีเพื่อจูงใจการลงทุนของเอกชน

ด้วยการต่ออายุมาตรการลดภาษีเงินได้สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตลาดเอ็มเอไอ และสนับสนุนบริษัทที่อยู่นอกตลาดให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วยเช่นกัน รวมถึงเอสเอ็มอี ที่เกิดใหม่ ควรยกเว้นการจัดเก็บภาษีใน 2 ปีแรก โดยเริ่มเก็บในปีที่ 3 เพื่อให้เติบโตได้อย่างเต็มที่ก่อน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์