พระสมเด็จเหนือหัว ชั่วหรือมั่วนิ่ม!!

กรณีสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ไม่เกี่ยวข้องในการจัดสร้างวัตถุมงคล “พระสมเด็จเหนือหัว” ที่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าสืบสวนข้อเท็จจริง ตรวจสอบว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ จนหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มขยับตาม โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทราบว่ามีพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ในฐานะประธานมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ เป็นผู้ลงชื่ออนุญาตให้มีการจัดสร้าง มี “เสี่ยอู๊ด” หรือนายสิทธิกร บุญฉิม เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง และปฏิเสธให้รายละเอียดอ้างว่า พระวิสุทธาธิบดี จะเป็นผู้แถลงข้อเท็จจริงทันทีที่กลับถึงประเทศไทยในวันที่ 20 ธ.ค.นี้
 

ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

ในทางกฎหมายข้อสัญญามีช่องทางบอกไว้ ผู้ทำสัญญาซื้อขายหากทำโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญของพฤติกรรมนั้น ทำให้ข้อสัญญานั้นเป็นโมฆียะ สามารถบอกล้างได้ หากเข้าขั้นถูกฉ้อฉลหลอกลวงให้หลงผิด มีสิทธิที่จะบอกล้างโมฆียกรรมได้เช่นกัน ดังนั้นช่องทางของประชาชนที่ต้องการได้เงินจองคืน หรือผู้ที่ได้พระไปแล้ว อาจทำได้โดยบอกล้างโมฆียกรรม หรือบอกเลิกสัญญา เป็นมาตรการตามกฎหมายแพ่ง คือต้องส่งพระที่ได้คืนไป และต้องเรียกเงินคืนได้ โดยส่วนของธนาคาร และบริษัทไปรษณีย์ไทย สถานที่ช่องทางรับจองพระ ควรหารือกันเพื่อคืนเงินจองพระให้แก่ประชาชน เพราะไม่ได้มีส่วนร่วมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้ข้อสรุป จะมอบหมายให้หน่วยงานใดดำเนินการระหว่างกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ทุกฝ่ายกำลังพิจารณา เพราะหากให้ดีเอสไอรับผิดชอบ ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งยังไม่ได้นัดวันประชุมประจำเดือนนี้
 

วันเดียวกันมีรายงานว่า คณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ได้เข้าหารือกับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง

ถึงความคืบหน้าและแนวทางการตรวจสอบการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว แต่ผลการหารือไม่เป็นที่เปิดเผย นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ได้รับการติดต่อจากท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รอง ราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง กรณีผู้จัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว โฆษณาตามสื่อต่างๆ รวมทั้งนำตราพระมหาพิชัยมงกุฎ มาใช้ประกอบด้านหลังของพระโดยไม่ได้ขออนุญาตจากสำนักพระราชวัง นอกจากนี้ ยังอ้างนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ไปสร้างโบสถ์สองกษัตริย์ ทางสำนักราชเลขาธิการได้ทำหนังสือสอบถามไปยังมูลนิธิ แต่ไม่ได้รับคำตอบ ดังนั้นกรมการศาสนาได้ให้กองศาสนูปถัมภ์สอบถามไปที่มูลนิธิ แต่ไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้เช่นกัน โดยวันที่ 17 ธ.ค. กรมการศาสนาได้ทำหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการถึงมูลนิธิ และเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์อีกครั้ง 


เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับวัดสุทัศน์โดยตรงนายสดกล่าวต่อว่า กรณีมูลนิธิ และผู้สร้างใช้ชื่อวัตถุมงคล พระสมเด็จเหนือหัว

ในส่วนตนคิดว่าใช้คำไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทำให้คนเข้าใจผิด โดยทั่วไปการขออนุญาตสร้างพระพุทธรูป หรือวัตถุมงคลต่างๆ ที่สำคัญต้องขออนุญาตกรมศิลปากร รวมทั้งการนำตราสัญลักษณ์ และดอกไม้พระราชทานมาใช้ ต้องขออนุญาตจากสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวังด้วย  ด้านคุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ไม่ได้รับแจ้งเข้ามาว่ามีการจัดสร้าง คิดว่าเป็นการแอบอ้างจัดทำโดยไม่มีหลักฐานการขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งในเรื่องของการขออนุญาตใช้ตราพระมหาพิชัยมงกุฎ และการนำรายได้ ไปจัดสร้างโบสถ์สองกษัตริย์ เข้าข่ายการต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน อยากฝากไปถึงผู้ที่คิดจะจัดสร้างวัตถุมงคล ควรคำนึงถึงความซื่อสัตย์ ความถูกต้อง ไม่หลอกลวงประชาชน ไม่ควรที่จะทำเป็นพุทธพาณิชย์หารายได้ หรือเรี่ยไรเงิน โดยเฉพาะการนำสถาบันเบื้องสูงมาอ้างถึง โดยไม่ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในการจัดสร้าง
 

เย็นวันเดียวกัน นายนิโรธ เจริญประกอบ รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า

ได้มอบหมายให้กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านโฆษณา เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะจัดสร้างสมเด็จเหนือหัว ก่อนส่งหนังสือให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างวัตถุมงคลสมเด็จเหนือหัวเข้ามาชี้แจงต่อ สคบ.ให้ทันภายในสัปดาห์หน้า ส่วนจะเรียกตัวนายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด เจ้าของบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด มาหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการประสานงาน อย่างไรก็ตาม หากพบว่า ผู้สร้างโฆษณาอันเป็นเท็จ หรือมีการแอบอ้างนำตราพระมงกุฎ ประทับบนองค์พระโดยไม่ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ผู้จัดสร้างจะต้องมีโทษจำคุก 6 เดือน และปรับคนละไม่เกิน 50,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ www.alittlebuddha.com ได้มีผู้นำหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการประชาสัมพันธ์พระสมเด็จเหนือหัว

มีลายเซ็นของ พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ในฐานะประธานมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีข้อความกล่าวถึงที่มาของโครงการสร้างอุโบสถ “สองกษัตริย์” ถวายเป็นพระราชกุศล และร่วมเทิดพระเกียรติปีมหามงคล 80 พรรษา ต้องใช้ทุนทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้างเบื้องต้น ในการนี้ได้จัดสร้าง “พระสมเด็จเหนือหัว” มอบให้ผู้ร่วมสละทุนทรัพย์ ทำบุญไว้เป็นพระพุทธานุสติ โดยมวลสารหลักในการจัดสร้างผสมจากดอกไม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายบูรพกษัตราธิราช เมื่อครั้งงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี


จากการสอบถามไปยังพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งของวัด สุทัศนเทพวราราม (ขอสงวนนาม) เกี่ยวกับข้อความในเว็บไซต์ พบว่าหนังสือดังกล่าวมีจริง

แต่ในการสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ทางวัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เป็นการตกลงกันระหว่างพระวิสุทธาธิบดี กับนายสิทธิกร บุญฉิมเท่านั้น โดยพระวิสุทธาธิบดี ยังอยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ส่วนโครงการสร้างอุโบสถ “สองกษัตริย์” นั้น จะมีการสร้างขึ้นที่วัดโสดาประดิษฐาราม อ.เมืองราชบุรี ซึ่งเป็นวัดที่พระวิสุทธาธิบดี เรียนหนังสือมาตั้งแต่เด็ก พระบวรรังษี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กล่าวว่พระสมเด็จเหนือหัวที่มีการโฆษณาอย่างครึกโครม ขอยืนยันว่าวัดระฆังไม่มีส่วนร่วมในการจัดสร้าง ประชาชนอย่าหลงเชื่อคำแอบอ้าง เช่นเดียวกับธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ได้หยุดให้ประชาชนรับจองแล้ว ขณะที่ทำการไปรษณีย์ ต่างๆมีประชาชนไปขอคืนใบจอง แต่ไปรษณีย์ไม่สามารถรับคืนได้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์