เมื่อเวลา 11.50 น. ศาลปกครองสูงสุดได้สิ้นสุดการอ่านคำพิพากษาในคดีกฎหมายแปรรูป บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
โดยมีคำสั่งไม่เพิกถอนกฎหมายแปรรูป ปตท. ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยชี้ว่าการเพิกถอนอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม รวมถึงด้านความมั่นคง และพลังงาน ตลาดทุน ตลาดเงิน และบุคคลภายนอกและอาจก่อให้เกิดปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย จึงทำให้ ปตท.มีสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดต่อไป แต่ให้แก้ไขประเด็นต่าง ๆ ที่ขัดต่อข้อกฎหมาย โดยเฉพาะให้มีการโอนกรรมสิทธิในที่ดินเวนคืน และท่อส่งก๊าซ-น้ำมัน กลับคืนไปให้กับกระทรวงการคลัง เพราะถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน.
นอกจากนี้ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษายกฟ้องในประเด็นคุณสมบัติของคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้ง บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
หลังการแปรรูป ปตท.เป็นบริษัทมหาชน ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงขั้นตอนในการแปรรูป ปตท. เป็นบริษัท มหาชน ก็ถูกต้องตามกฎหมายด้วยเช่นกัน โดยคุณสมบัติของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กับนายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นข้าราชการคุณวุฒิ จึงสามารถเป็นคณะกรรมการจัดตั้งบริษัท ปตท. ได้
ส่วนประเด็นการถือหุ้นของนายมนู เลียวไพโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายวิเศษ จูภิบาล อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. ศาลได้สั่งยกฟ้อง
เพราะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของ ปตท. รวมถึงยกฟ้องในประเด็นการจัดตั้งคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งศาลฯระบุว่าเป็นไปตามกฎหมายทุกประการศาลปกครองยังมีคำสั่งให้ ปตท. ดำเนินการแยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณะ แยกท่อก๊าซ และแยกอำนาจมหาชนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม เวลา 14.00 น. วันนี้ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน และนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กก.ผอ.ใหญ่ ปตท. จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับแนวทางการแยกท่อก๊าซ ที่กระทรวงพลังงาน ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.