"ยุคนี้อะไรๆ ก็สีเขียว" สีเขียวที่ว่า ไม่ใช่สีเขียวทหาร แต่เป็นสีเขียวสิ่งแวดล้อม
มาร์ก แฮริส ผู้แต่งหนังสือ "Grave Matters: A Journey Through the Modern Funeral Industry to a Natural Way of Burial" หรือ "การฝังศพ: การเดินทางจากอุตสาหกรรมการฝังศพที่ทันสมัยไปสู่การฝังศพที่เป็นธรรมชาติ" เปิดเผยว่า การฝังศพสีเขียวกำลังเป็นที่นิยม โดยมี "กลุ่มเบบี้บูม" ในอเมริกาเหนือเป็นผู้นำเทรนด์
การฝังศพสีเขียวคือการไม่ใช้น้ำยาเคมีดองศพ โลงศพย่อยสลายสู่ธรรมชาติได้ง่าย
ซึ่งแฮริส มีความเห็นว่า การฝังศพสีเขียวแสดงถึงคุณค่าของการประหยัดมัธยัสถ์ ความเรียบง่าย ความรักของครอบครัว เมื่อ "แรมซี ครีก พรีเสิร์ฟ" สุสานสีเขียวแห่งแรกของสหรัฐ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และตั้งอยู่รายล้อมด้วยป่า
สุสานสีเขียว
"แรมซี ครีก พรีเสิร์ฟ" เปิดให้บริการเมื่อพ.ศ.2541
สุสานแห่งนี้ได้ให้ป้ายหลุมศพต้องทำมาจากหินธรรมชาติ มีการปลูกต้นไม้ ศพห่อด้วยผ้าตราสังข์ โลงศพทำจากวัสดุที่มีการย่อยสลายสูง อย่างไม้อัดหรือไม้สน เพราะการกลับคืนสู่พื้นดินคือการก่อกำเนิดวงจรชีวิต
การฝังศพสีเขียวเป็นที่ชมชอบของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะใช้ทรัพยากรน้อยกว่า
ก่อให้เกิดมลพิษน้อยกว่าและเป็นการรักษาดิน ถ้าผู้คนทราบถึงการฝังศพแบบสมัยใหม่ว่า ทิ้งอะไรให้กับสิ่งแวดล้อม เชื่อแน่ว่า จะมีผู้เลือกฝังศพสีเขียวมากขึ้น เพราะการฝังศพแบบสมัยใหม่ ส่วนใหญ่แล้วโลงศพจะทำมาจากเหล็ก เพื่อให้อยู่คงทน ในหลุมยังสร้างกำแพงคอนกรีตผสมเหล็กเพื่อไม่ให้ดินถล่ม
ถ้าคำนวณแล้ว จำนวนโลงศพเหล็กรวมทั้งเหล็กเส้นในคอนกรีตที่อยู่ในสุสานแต่ละปีนั้น มีจำนวนมากพอๆ กับเหล็กที่ใช้ในการสร้างสะพานโกลเด้นเกตเลยทีเดียว
และการฝังศพสีเขียวนั้นยังประหยัดเงินกว่าการฝังศพแบบสมัยใหม่ถึง 1 ใน 3 และบางทีอาจกว่าครึ่งด้วย ซึ่งในสหรัฐนั้น ปัจจุบันมีอยู่ 9 รัฐที่ให้บริการการฝังศพสีเขียว และคาดว่าภายในปลายปีนี้ สุสานสีเขียวจะเพิ่มจำนวนอีกอย่างน้อย 25 แห่ง