ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะผู้ยื่นคำร้อง กล่าวว่า
ตนมีความเชื่อมั่นว่าศาลจะต้องตัดสินบนพื้นฐานของความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และเป็นธรรมทางกฎหมาย เพราะหากเราไม่สามารถเชื่อมั่นตรงนี้ได้แล้ว เราจะไม่มีสถาบันใดเป็นที่ยึดเหนี่ยว เชื่อศาลต้องตัดสินโดยปราศจากอคติ ทั้งอคติจากความกลัว เพราะเวลานี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้ถูกฟ้องคดี พยายามทำให้เกิดความกลัว
“ตอนที่มีการประเมินมูลค่าหุ้นของ ปตท. มีการลดมูลค่าทรัพย์สินของปตท.
ซึ่งตอนที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ปตท.มีทรัพย์สินรวม 5 หมื่นกว่าล้านบาท ตอนประเมิน มีการลดมูลค่าทรัพย์สิน ปตท.เหลือหมื่นกว่าล้านบาท อีกทั้งบริษัทลูกทั้งหลาย ถูกทำให้ติดลบ หมายความว่า แถมกิจการลูกให้ฟรี ๆ ดิฉันคิดว่า สิ่งเหล่านี้สังคมไม่เคยรู้มีการลดมูลค่า และคิดว่า นี่คือการคอรัปชั่นทางนโยบายที่ใหญ่ที่สุด เป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนต้องการทวงคืน”น.ส.รสนา กล่าว และว่า เมื่อวานนี้ มีบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งออกมาพูดถึงประเด็นนี้ ตนคิดว่า โดยวิณญูชนต้องรับทราบแต่แรก ในหนังสือชี้ชวนของปตท.พูดไว้แต่แรกว่า ท่อส่งก๊าซจะแยกภายใน 1 ปี ฉะนั้นราคาไอพีโอ 35 บาทของหุ้น ปตท.ในปี 2544 เป็นราคาที่ไม่ได้รวมท่อส่งก๊าซเอาไว้ด้วย แต่เวลานี้นักลงทุนวิเคราะห์กันใหญ่ว่า หากเอาท่อก๊าซออกไปหุ้น ปตท.จะต้องตกอย่างต่อเนื่อง อันนี้ชัดเจน ยอมรับว่า หากไม่มีท่อส่งก๊าซฯ ราคาหุ้นปตท.จะไม่สูงเท่านี้ แต่ที่ผ่านมา 5-6 ปี การได้กำไร คือ การโกงประชาชน