แบงก์ชาติวิตกรัฐบาลชุดใหม่อายุสั้น ตัวบั่นทอน เศรษฐกิจไทย

นายทรงธรรม ปิ่นโต ผู้บริหารทีม สายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เสนอบทความเรื่อง “ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า”

โดยระบุว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้ ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้น และจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป รวมทั้งปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ปล่อยให้กับผู้กู้ที่ด้อยคุณภาพ(ซับไพร์ม) ที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัวลง และส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงกว่าปีนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อการส่งออกในปีหน้าไม่ดีเท่าปีนี้ ซึ่งเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ได้ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนภายในประเทศมากขึ้น ทั้งจากการลงทุนการบริโภคของภาคเอกชนและการใช้จ่ายของภาครัฐ


ทั้งนี้ การที่มองว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ มีปัจจัยบวกเนื่องจากมีการคาดหมายถึงผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

และน่าจะส่งผลถึงแนวนโยบายภาครัฐที่ชัดเจน การลงทุนขนาดใหญ่ที่จะขับเคลื่อนได้เร็วขึ้นจะเป็นตัวจักรสำคัญให้เอกชนลงทุนตาม โดยอาศัยปัจจัยเอื้อด้านการลงทุนที่มีอยู่เดิมแล้ว เช่น ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ เครื่องจักรโรงงานที่ใช้งานเกือบเต็มกำลัง และวัฏจักรของเครื่องส่วนใหญ่ที่ลงทุนไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤติปี 2540 น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนและมีการลงทุนซื้อเครื่องจักรกันใหม่ โดยเฉพาะปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ซึ่งทำให้การนำเข้าสินค้าทุนราคาถูกลงมาก


อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจปีหน้าไม่สามารถขยายตัวได้ดีอย่างที่ทุกฝ่ายคาดการณ์

มีปัจจัยเสี่ยงดังนี้ ได้แก่ 1.หากรัฐบาลใหม่ไม่มีเสถียรภาพเพียงพอจนทำให้คาดว่าอาจอยู่บริหารประเทศเพียงระยะสั้น 6 เดือน หรือ 1 ปีแล้ว การคาดการณ์เรื่องความไม่แน่นอนของนโยบายจากภาคเอกชนก็จะหมดไป เอกชนส่วนหนึ่งที่ชะลอการลงทุน 2.ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกมีมาก และส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอมากกว่าที่คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญ 


ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า

สมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.ได้ทำแผนปฏิบัติการ (เวิล์กช็อป) เพื่อสรุปข้อมูลในปีนี้ และวางแผนสำหรับปี 2551 ซึ่งมีทั้งแผนระยะสั้น กลาง และยาว พร้อมข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปหารือร่วมกับรัฐบาลใหม่ ซึ่งประเด็นที่ศึกษามีทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม การบริหารจัดการด้านพลังงาน ภาษีที่เกี่ยวข้อง และระบบการจัดการขนส่ง (โลจิสติกส์) เพื่อให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนต่อไป. 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์