นางพันธ์ทิพย์ สุรทิณฑ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า
กรมธนารักษ์มีแผนพัฒนาที่ดินในระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ 2551-2555 โดยจะเน้นการนำที่ดินไปพัฒนาเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันกรมธนารักษ์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินของรัฐทั่วประเทศ หรือที่เรียกว่า ที่ราชพัสดุ มากถึง 12.5 ล้านไร่ แต่ในจำนวนนี้ อยู่ในมือของส่วนราชการต่างๆที่นำไปใช้ หรือครอบครองอยู่โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ถึง 12 ล้านไร่ โดยกรมธนารักษ์จะเรียกคืนที่ดินที่ส่วนราชการครอบครองแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์รวมเนื้อที่ 1 ล้านไร่ เพื่อนำที่ดินที่เรียกคืนเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ตามแผนการของกรมธนารักษ์
“การนำที่ดินราชพัสดุของกรมธนารักษ์ไปพัฒนาเชิงพาณิชย์นั้น
ตามแผน 5 ปี จะพิจารณาที่ดินแปลงที่เหมาะสม เพื่อการพัฒนาในเชิงท่องเที่ยว เช่น สร้างโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยว หรือเพื่อการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่นั้นๆ และรวมถึงส่งเสริมระบบลอจิสติกส์ เช่น โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตเก่ามูลค่า 19,000 ล้านบาท ซึ่งถูกชะลอการก่อสร้างเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว”
นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ยังจะเน้นการนำที่ดินราชพัสดุไปพัฒนาเพื่อสังคม
และสิ่งแวดล้อม เช่น การทำสวนสาธารณะ ลานกีฬา ที่อยู่อาศัยของคนรายได้น้อย และการให้ที่ดินทำกินแก่ราษฎรภายใต้โครงการพระราชดำริ เนื่องจากว่าที่ดินเหล่านี้ต้องถือว่าประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของด้วย หากที่ดินราชพัสดุแปลงใดที่อยู่ในกรุงเทพฯ กรมธนารักษ์จะนำมาทำเป็นสวนสาธารณะในเมือง หรือ City park หรือลานกีฬาก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้คนในเมืองที่อยู่กันอย่างแออัดมีพื้นที่สีเขียว และลานกีฬาให้คนเมืองออกกำลังกาย.