4ปีทีไม่ได้พบพ่อ ลูกอุเทน ปล่อยโฮหน้าโลง

จากกรณีนายอุเทน เตชะไพบูลย์ เจ้าสัวระดับแนวหน้าของเมืองไทย ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการธนาคารศรีนคร และผู้ก่อตั้งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ ด้วยโรคนิวมอเนีย ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. แต่ภายหลังการถึงแก่อนิจกรรม ปรากฏว่าลูกสาวคนที่ 3 และภรรยาคนที่ 6 ของเจ้าสัวคนดัง ได้ออกมาให้ข่าวถึงเรื่องในอดีต ที่มีการฟ้องร้องว่าบรรดาลูกคนอื่นๆ ของเจ้าสัวอุเทนขัดขวางไม่ให้ลูกสาวของภรรยาคนที่ 6 ได้พบกับพ่อบังเกิดเกล้ามาเป็นเวลานานถึง 4 ปี และจะไม่มีการแบ่งมรดกให้อีก เพราะได้ไปเยอะแล้วนั้น
 

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นางนงค์นาถ เตชะไพบูลย์ ภรรยาคนที่ 6 ของเจ้าสัวอุเทน ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า

วันนี้ลูกสาว “น้องอร” น.ส.อรกันยา เตชะไพบูลย์ อายุ 21 ปี ลูกคนสุดท้ายของเจ้าสัวอุเทน ซึ่งเรียนอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ฯ ปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศเดนมาร์ก เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยในช่วงเช้าเพื่อกราบศพพ่อ น้องอรนอนไม่หลับและเอาแต่ร้องไห้ ยังเสียใจกับการจากไปของคุณพ่อ โดยที่ไม่ได้มีโอกาสพบท่านในช่วงสุดท้ายก่อนเสียชีวิตนานถึง 4 ปีครึ่ง ทุกวันนี้ได้แต่ปลอบลูกให้มีความเข้มแข็ง ห่วงจะกระทบจิตใจของลูก และกำลังอยู่ระหว่างการสอบด้วย
 

นางนงค์นาถกล่าวว่า

ทุกคนทุกข์ใจในการจากไปของท่าน สิ่งที่ท่านอุเทนได้สร้างเอาไว้เป็นฐานให้ลูกๆ สังคมทราบดีว่าเป็นอย่างไร ข่าวที่ออกมาจะทำให้ท่านต้องเสียเกียรติ ตนไม่สบายใจและไม่อยากจะไปสู้รบตบ มือกับใคร อยากจะรักษาเกียรติของท่าน ไม่มีวันที่จะทำร้ายท่าน สำหรับเรื่องการฟ้องร้องกีดกันไม่ให้ลูกพบพ่อ ก็จะไม่ขอพูดตอบโต้ เพราะจะไปกระทบให้ท่านเสียหาย ท่านทำความดีให้สังคมไว้มากมาย และด้วยความสัตย์จริงตั้งแต่อยู่กับท่านไม่เคยถามเลยว่าท่านเตรียมอะไรไว้ให้ ลูกบ้าง เพราะท่านเป็นสามี และเป็นพ่อของลูกที่วิเศษที่สุดอยู่แล้ว
 

นางนงค์นาถกล่าวอีกด้วยว่า

เมื่อก่อนนี้ที่บ้านที่พักอยู่ในปัจจุบันมีคนชรา ผู้หญิง และเด็ก ตอนนี้เหลือผู้หญิงกับเด็กสองคนเท่านั้น จึงอยากจะขออยู่อย่างสงบ แต่หลังจากมีข่าวออกไป ปรากฏว่าช่วงสายวันเดียวกันนี้มีโทรศัพท์ลึกลับใช้เบอร์โทรศัพท์บ้านหรือเบอร์สาธารณะ เพราะขึ้นต้นด้วยเลข 02 นำหน้า โทร.เข้ามาที่โทรศัพท์มือถือ โดยเป็นเสียงผู้ชายพูดขู่เอาชีวิตประโยคสั้นๆว่า “ให้ระวังตัวให้ดี เขาจ้างผมมาแล้ว” จากนั้นได้วางโทรศัพท์ไป ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์นั้นไว้
 

อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวขอเบอร์ที่โทร.เข้ามาหา และนำไปตรวจสอบกับศูนย์ผู้ให้บริการโทรศัพท์ พบว่า

เบอร์ดังกล่าวไม่มีการขึ้นบัญชีเจ้าของเบอร์ไว้ และเป็นเบอร์จากตู้โทรศัพท์สาธารณะ ซึ่งจากการขอตรวจจุดที่ตั้งของตู้ พบว่าเป็นตู้ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ในบริเวณย่านดินแดง ซึ่งต่อมานางนงค์นาถกล่าวว่า จะขอปรึกษาญาติๆก่อนว่าจะเข้าแจ้งตำรวจเพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้หรือไม่
 

จากนั้นในเวลา 17.30 น. ที่ศาลา 100 ปี วัด เบญจมบพิตรฯ นางนงค์นาถและน้องอรลูกสาวได้เดินทางเข้ามากราบศพของเจ้าสัวอุเทน

โดยได้เข้าไปกราบที่โลงจำปาที่ตั้งอยู่ด้านหลังโกศ 8 เหลี่ยม ซึ่งเมื่อน้องอรเห็นโลงศพบรรจุร่างพ่อบังเกิดเกล้าก็ได้ก้มหน้าพยายามสะกดอารมณ์เพราะทำใจไม่ได้ แต่ไม่นานนักน้องอรก็ร่ำไห้โฮโผเข้ากอดมารดาที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวคร่ำครวญว่ายังไม่ได้เจอพ่อเลยๆ พ่อก็จากไปเสียแล้ว ซึ่งนางนงค์นาถพยายามปลอบลูกให้หายโศกเศร้า โดยบอกว่าให้เข้มแข็ง เหมือนที่พ่อเคยสอนไว้ อย่าเป็นคนอ่อนแอ แต่น้องอร ก็ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเวลา โดยมีลูกพี่ลูกน้องที่ มาพร้อมกัน เข้ามากอดและประโลมตลอดเวลา ทำให้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด
 

หลังจากนั้น น้องอรที่พอจะคลายความโศกเศร้าได้บ้างแล้ว ก็เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า

เสียใจที่เห็นคุณพ่อครั้งสุดท้าย ท่านก็จากไปแล้ว ท่านเป็นพ่อที่ประเสริฐที่สุดเป็นคนดีมาก ไม่อยากให้มีข่าวความขัดแย้งออกมาในขณะนี้ เพราะเพิ่งจะเสียท่านไป โดยตนจะพยายามเรียนให้สูงที่สุดตามที่ท่านตั้งใจไว้ว่าอยากให้จบด็อกเตอร์ ซึ่งผลการเรียนที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ได้เกรด 3.5 ส่วนเทอมนี้ได้ทุนแลกเปลี่ยนระหว่างมหาวิทยาลัยไปเรียนที่โคเปนเฮเกน บิสซิเนส สคูล ที่เดนมาร์ก ระยะเวลา 1 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างสอบเทอมแรก แต่ได้ลากลับมาร่วมงานศพพ่อจนกว่าจะเสร็จพิธี ถึงจะเดินทางกลับไปเรียนต่อ โดยพักอยู่หอของมหาวิทยาลัย ต้องดูแลตัวเองทุกเรื่อง และเรียนยากมาก แต่เรียนจบแล้วถึงจะกลับมาเรียนต่อที่ มธ.ให้จบ
 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า

หลังจากนางนงค์นาถและน้องอร เดินทางมาถึงศาลา 100 ปี ราวครึ่งชั่วโมงคนในตระกูลเตชะไพบูลย์ถึงได้ทยอยเดินทางมาถึง ซึ่งเมื่อน้องอร ลูกสาวคนสุดท้องของเจ้าสัวอุเทน เห็นนางจิตรามณฑน์ เตชะไพบูลย์ พันธาภิรัต บุตรสาวคนที่ 3 ของเจ้าสัวอุเทน พี่สาวต่างมารดา ซึ่งเคยมีเรื่องฟ้องร้องกันในอดีต น้องอรก็ได้เข้าไปยกมือไหว้ โดยนางจิตรามณฑน์ได้เข้าไปจับไหล่น้องอรแล้วพูดปลอบใจน้องสาวต่างมารดาอยู่พักใหญ่ ก่อนขอตัวออกมารับแขกหน้างาน โดยนางจิตรามณฑน์และนางนงค์นาถ ก็ไม่มีการทักทายกันแต่อย่างใด ขณะที่ญาติคนอื่นๆยังเข้ามาทักทายนางนงค์นาถตามปกติ
 

ทั้งนี้ นางจิตรามณฑน์กล่าวในเวลาต่อมาว่า

จะเห็นว่าทุกคนไม่ได้กีดกัน ทั้งเด็กและแม่จะมาร่วมงานศพก็ได้ไม่มีใครห้าม ตนได้พยายามบอกกับน้องว่าให้เชื่อในสิ่งที่พี่พูด ซึ่งเป็นความจริง แต่น้องก็บอกว่า แม่บอกไม่ได้อะไร ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย สำหรับบรรยากาศพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพเจ้าสัวอุเทน เป็นคืนที่ 2 นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีบุคคลดังในสังคมเดินทางร่วมงานเป็นจำนวนมาก และในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯให้นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้เชิญพวงมาลาหลวงและพวงมาลาพระราชทานวางหน้าโกศด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์