ผบ.เหล่าทัพเตรียมทำบัญชีซื้ออาวุธ

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่โรสการ์เด้นท์ สวนสามพราน จ.นครปฐม

พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสัมมนาการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยให้สอดคล้องป้องกันภัยคุกคามในอนาคตว่า ผลการประชุมได้พิจารณาในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ งบประมาณในการจัดหา เพื่อได้อาวุธยุทโธปกรณ์มาใช้สนองตอบภัยคุกคามที่เกิดขึ้น และได้อาวุธที่ทำให้แต่ละเหล่าทัพมีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ โดยในขั้นต้นได้ทำบัญชีไว้ของแต่ละเหล่าทัพ รวมถึง บก.ทหารสูงสุด โดยจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส เฟสแรกคือ ใน 5 ปีแรก (2552-2556) เรามีความต้องการอาวุธอะไร และใช้งบประมาณเท่าใด ส่วนเฟส 2 คือ 5 ปีหลัง (2557-2561) ก็จะต้องดูถึงงบประมาณที่แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ ลักษณะที่หนึ่งจะมีการขอเพิ่มงบประมาณที่ได้รับจาก 1.58 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี มาเป็น 1.8 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพีในเฟสแรก ส่วนเฟส 2 จะเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี โดยงบประมาณที่เพิ่มมาจะจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์


พล.อ.บุญรอดกล่าวต่อว่า

ส่วนลักษณะที่ 2 จะทำลักษณะแพ็กเกจด้วยการทำบัญชีและไปเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ว่าในการที่จะทำให้กองทัพมีความพร้อมรบ และเป็นระดับที่จะตอบสนองกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นควรจะของบประมาณเพื่อให้รัฐบาลอนุมัติงบประมาณมาในการจัดซื้อจัดหาอาวุธ โดยใน 5 ปีแรกประมาณ 117,000 ล้านบาท ส่วนใน 5 ปีหลังประมาณ 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ แต่ละเหล่าทัพได้ทำบัญชีความเร่งด่วนใน 5 ปีแรกมาให้คณะอนุกรรมการในการพิจารณาแล้ว ทั้งการจัดซื้อเรือดำน้ำที่กองทัพเรือจัดทำบัญชีไว้เป็นอันดับแรกที่ต้องการ เพราะการจัดซื้อจัดหาไม่ใช่บอกว่าในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือปีหน้าจะได้ แต่จะต้องใช้ระยะเวลา 6-7 ปี กว่าจะได้ การประชุมวันนี้เพื่อเป็นการวางแผนในอนาคต ในส่วนของกองทัพอากาศ ก็มีการเสนอในเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินรบ รวมถึงกองทัพบกก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะ กองทัพบกที่ผ่านมา การพร้อมรบขาดไปเยอะ ดังนั้น สิ่งที่กองทัพบกต้องการคือขอให้มีความพร้อมรบ 1 ใน 3 ก็พอใจ ทั้งนี้ งบประมาณที่ได้รับแล้วก็เป็นทรงภาพดูแลอาวุธเก่า ส่วนของใหม่ก็ถึงเวลาที่จะเปลี่ยน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์