อย่างไรก็ตามได้ขอให้บริษัทรับเงื่อนไขการปรับขึ้นราคาใหม่ต้องดำเนินการหลังเทศกาลปีใหม่ หรือเริ่มตั้งแต่ปี 2551
พร้อมจัดรายการส่งเสริมการขายบรรจุ 6 ซอง คิดราคาเท่า 5 ซอง หรือซื้อ 5 แถม 1 เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทรับเงื่อนไขดังกล่าวได้ และพร้อมดำเนินการ เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ทั้งนี้ในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ บริษัทผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "ยำยำ" จะเข้าหารือกับกรมการค้าภายใน เพื่อเข้าชี้แจงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและขอปรับขึ้นราคา ก็จะใช้หลักการพิจารณาเดียวกันและอนุมัติปรับราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริง โดยไม่กระทบต่อประชาชน
นายพิพัฒพะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ ฟูดส์ จำกัด กล่าวว่า
แม้ว่ากรมการค้าภายในจะอนุมัติให้ผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" ขึ้นราคาได้ซองละ 1 บาท หลังปีใหม่ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่ขึ้นราคาอีกภายใน 5 ปี ซึ่งไม่ขอรับปากเรื่องที่จะไม่ขึ้นราคาไปอีก 5 ปี เพราะหากต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น ทางบริษัทก็คงไม่ขึ้นราคา เพราะการขึ้นราคาไม่ใช่นโยบายของบริษัท
ขณะเดียวกันผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศขึ้นราคาขายปลีกเบนซินและดีเซลลิตรละ 40 สตางค์
และปรับขึ้นแก๊สโซฮอล์อีกลิตรละ 20 สตางค์ มีผลตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน ออกเทน 95 อยู่ที่ 32.89 บาทต่อลิตร เบนซิน ออกเทน 91 อยู่ที่ 31.59 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 28.89 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 28.09 บาทต่อลิตร และดีเซลอยู่ที่ 29.34 บาทต่อลิตร
นายชัยวัฒน์ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ราคาน้ำมันในตลาดโลกทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูป พุ่งขึ้นแรงมากภายในสัปดาห์เดียวราคาปรับตัวขึ้นถึง 5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ผู้ค้าในประเทศประสบภาวะขาดทุน ค่าการตลาดติดลบถึง 2 บาทต่อลิตร ปตท.จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกทุกชนิดลิตรละ 40 สตางค์ ด้านนายศัลยาสุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การที่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และสภาพอากาศแปรปรวนในทะเลเหนือ รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นทุกชนิด บริษัทจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 40 สตางค์ต่อลิตร น้ำมันดีเซล 20 สตางค์ต่อลิตร