เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ว่า ได้รับการเปิดเผยจาก นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า
เมื่อเดือนตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา อย.ได้รับแจ้งจากบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด ว่ามีการลักลอบขายยา Eprex ในร้านขายยา ซึ่งเป็นยาชีววัตถุที่ใช้สำหรับผู้ป่วยโลหิตจาง ในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดง เนื่องจากบริษัทได้ยกเลิกการขายยาดังกล่าวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 อย.จึงได้ดำเนินการตรวจสอบ ร้านขายยาต่างๆ พบว่า ร้านขายยาบางร้านมีการลักลอบจำหน่ายยา Eprex 4000 Batch No.6JSSA00 Mfd.10/2006Exp.04/2008 นอกจากนี้ ยังพบยา Miacalcic Nasal 200 Lot No.H5031 Mfd.03/ 2007 Exp.02/2010 ซึ่งเป็นยาลดภาวะกระดูกผุหลังหมดประจำเดือน และยาทั้ง 2 ชนิดไม่มีเอกสารกำกับยาฉบับภาษาไทย ที่สำคัญฉลากไม่แสดงเลขทะเบียนตำรับยาของประเทศไทย โดยยา Eprex 4000 ไม่มีข้อความว่า “ยาควบคุมพิเศษ” และยา Miacalcic Nasal 200 ไม่มีข้อความว่า “ยาอันตราย”
รองเลขาฯ อย.กล่าวอีกว่า
อย.ได้ประสานบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด และบริษัท โนวาติส จำกัด โดยทั้ง 2 บริษัทยืนยันว่า ไม่ใช่ยาที่บริษัทผลิตหรือนำเข้า อย.จึงได้ยึดยาทั้งหมดและส่งให้กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ตรวจวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีทางกฎหมาย
รองเลขาฯกล่าวเพิ่มเติมว่า ยารักษาโรคโลหิตจาง Eprex 4000 และยาลดภาวะกระดูกผุ Miacalcic Nasal 200 เป็นยาที่จะต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
หากไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ จะทำให้ยาผิดมาตรฐาน และส่งผลทำให้การรักษาไม่ได้ผลและอาจเกิดอันตรายจากการใช้ยาได้ โดยเฉพาะยา Eprex 4000 หากเก็บในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ทำให้ยาเสื่อมคุณภาพและส่งผลให้ร่างกายของผู้ป่วยที่ได้รับยาดังกล่าว มีการสร้างแอนติบอดี้ เพื่อต่อต้านการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก จนเป็นสาเหตุของการเกิดโรค Pure Red Cell Aplasia (PRCA) หรือสภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรง จึงขอเตือนผู้บริโภค อย่าซื้อยาที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา และไม่มีเอกสารกำกับยาที่เป็นภาษาไทย เพราะอาจจะได้รับยาปลอม ยาผิดกฎหมายลักลอบนำเข้า หากผู้บริโภคพบเห็นยาในลักษณะดังกล่าวสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือที่สายด่วน อย. 1556 ทาง อย.จะได้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้จำหน่ายทันที