พลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯยิงต่อเนื่อง40นาที

ประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา

จัดการแสดงพลุประกอบดนตรี-สเปเชียลเอฟเฟคท์จาก 3 ชาติชั้นนำของโลก ยิงสลุตต่อเนื่องนานเกือบ 40 นาที กว่า 9,081 ลูก จากทั้ง 3 มุมของริมทะเลสาบเมืองทองธานี มีเสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์ 80 พรรษา ลายพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนฯ จำหน่ายในงาน ประชาชนที่สนใจขึ้นรถเมล์ร่วมงานฟรีที่หน้าวัดพระศรีฯ-จตุจักร-อนุสาวรีย์ชัยฯ

งานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถือเป็น 1 ใน 80 กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ซึ่งกระทรวงกลาโหม โดยเหล่าทัพต่างๆ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันจัดขึ้นด้วยความจงรักภักดี ที่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี วันที่ 16 และ 18 พฤศจิกายน 2550 อย่างยิ่งใหญ่อลังการสมพระเกียรติเป็นอย่างยิ่ง พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานคณะกรรมการดำเนินงานแสดงและประกวดพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 กล่าวถึงที่มาของกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ว่า กิจกรรมนี้กระทรวงกลาโหมได้ริเริ่มจัดขึ้นเป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน โดยการเตรียมงานเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 มี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ และตนเป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงาน

โดยส่วนใหญ่เป็นการจัดแสดงเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ และวันชาติของประเทศต่างๆ จึงถือเป็นกิจกรรมที่เหมาะสมต่อการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งประเทศที่ตอบรับเข้าร่วมแสดง คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ออสเตรเลีย และอิตาลี ก็ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศชั้นนำในการแสดงพลุทั้งสิ้น และแต่ละบริษัทก็มีเกียรติประวัติที่ยาวนาน จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน โดยบริษัทพลุจากประเทศออสเตรเลียที่เคยเป็นแชมป์การแสดงพลุเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนจีนก็เป็นประเทศที่ผลิตพลุมากเป็นอันดับ 1 ของโลก และรับเป็นออแกไนเซอร์จัดงานแสดงพลุให้ประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ประเทศอิตาลีก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน

พล.อ.เลิศรัตน์ อธิบายว่า การประกวดพลุเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน เป็นการแสดงพลุประกอบดนตรี

โดยเป็นการยิงพลุขึ้นจากมุมต่างๆ ของทะเลสาบเมืองทองต่อเนื่องกันเป็นเวลา 20 นาที และพักอีก 20 นาที โดยแต่ละฐานยิงจะมีระยะทางห่างกันกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งพลุแต่ละลูกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 2-12 นิ้ว และมีความสูงประมาณ 200-400 เมตร มีความสวยงามเป็นอย่างมาก

ส่วนวันที่ 18 พฤศจิกายน จะเป็นการแสดงพลุประกอบดนตรีร่วมกันของทั้ง 3 ประเทศ

ซึ่งจะเป็นลักษณะซิงโครไนเซชั่น คือ จะทำงานประสานสอดรับกันด้วยการยิงพลุด้วยระบบคอมพิวเตอร์จากทั้ง 3 มุมเข้าหากัน ใช้เวลารวม 35 นาที 18 วินาที เฉลี่ยวินาทีละ 5-6 นัด โดยจะเป็นการแสดงประกอบสเปเชียลเอฟเฟคท์ ซึ่งจะทำให้ท้องทะเลสาบฉาบไล้ด้วยสีสันต่างๆ ของพลุ รวมสิ้น 9,081 ลูก

"จำนวนพลุ 9,081 ลูก ที่ทั้ง 3 ประเทศนำมาจัดแสดงร่วมกัน นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก เพราะไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนว่าจะจัดแสดงด้วยตัวเลขนี้ ซึ่งก็บังเอิญว่า เลข 9 ตรงกับเลขประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเลข 81 ก็เท่ากับพระชนมายุของพระองค์ คือ 80 พรรษา บวกอีก 1 ตามคติความเชื่อที่ถือเป็นมงคลของไทย" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

พล.อ.เลิศรัตน์ ระบุว่า ความยากในการทำงานครั้งนี้ คือ การประสานงานดึงบริษัทพลุชั้นนำของโลกให้ตอบรับมาร่วมงาน

เนื่องจากแต่ละบริษัทมีคิวการแสดงจำนวนมาก และพลุที่นำมาแสดงก็ต้องจัดทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด และยังต้องคิดการแสดงและเพลงประกอบด้วย จึงต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมการค่อนข้างมาก ส่วนการจัดเตรียมสถานที่ก็ต้องใช้การเตรียมการนานหลายเดือนเหมือนกัน โดยใช้กำลังพลจากเหล่าทัพต่างๆ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นพันๆ นาย เพื่อมาถางพื้นที่ และโรยหินคลุกรอบๆ ทะเลสาบให้เรียบร้อยสวยงาม โดยจัดเตรียมเก้าอี้ไว้ 2.1 หมื่นที่นั่ง สำหรับรับชมการแสดง และเมื่อรวมกับพื้นที่โดยรอบแล้ว จะสามารถรองรับผู้ชมได้เป็นแสนๆ คน

พล.อ.เลิศรัตน์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการจัดงานว่า งานจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น.

นอกจากงานแสดงพลุแล้ว ในแต่ละวันยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสินค้าในโครงการตามพระราชดำริ ได้แก่ ร้านภูฟ้า ดอยตุง และดอยคำ โดยร้านภูฟ้าจะจัดจำหน่ายเสื้อเหลืองตราสัญลักษณ์ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีลายพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า "80 พรรษา พระชนมายั่งยืน" จะจำหน่ายในราคาตัวละ 250 บาท ประมาณ 3,000 ตัว นอกจากนี้ยังมีศิลปินต่างๆ เช่น โจนัส คริสตี้ ปนัดดา เรืองวุฒิ มาลีวัลย์ เจมีน่า ฯลฯ มาแสดงร่วมกับวงออเคสตร้าตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป

ส่วนไฮไลท์ของงาน คือ พิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ซึ่งจะเป็นกิจกรรมสุดท้ายหลังเสร็จสิ้นการแสดงพลุ โดยประชาชนที่มาร่วมงานจะได้ร่วมกันร้องเพลงพ่อแห่งแผ่นดิน, สดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี พล.อ.เลิศรัตน์ได้เชิญชวนประชาชนให้มาร่วมงานนี้กันมากๆ เพื่อร่วมกันเทิดพระเกียติรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นกิจกรรมแรกในรอบ 1 เดือนสุดท้ายแห่งการเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งจะไปจบด้วยการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ จ.นครราชสีมา ในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดเตรียมรถประจำทางไว้ให้ประชาชนที่สนใจมาร่วมงานฟรี ตามจุดต่างๆ ที่กำหนดคือ หน้าวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน สวนจตุจักร และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ส่วนผู้ที่ขับรถส่วนตัวมา ให้นำรถไปจอดตามจุดที่กำหนดไว้ เช่น ริมทางด่วน แต่อาจไม่สะดวก เพราะคาดว่าจะมีรถจำนวนมาก