ตำรวจปส.ประสานกองกำลังนเรศวรใช้เงิน 8 ล้านบาทล่อซื้อจับเอเย่นต์ยาบ้าเป็นชาวเขาเผ่าม้งพร้อมของกลางยาบ้าแสนเม็ด สารภาพลำเลียงยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเชียงใหม่-เชียงรายแล้วขนซุกในป่า-พื้นที่ชนกลุ่มน้อยก่อนนำออกขายให้ลูกค้าตามสั่ง
เหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดร่วมกับฝ่ายทหารล่อซื้อยาบ้าโดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1 แสนเม็ด เปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 พฤศจิกายน
พล.ต.ต.อุดม รักศิลธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบช.ปส.) พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. พ.อ.คู่ชีพ เลิศหงิม รอง ผบ.กกล.นเรศวร และเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายบี โรจน์แสงสิทธิ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/พ หมู่ 11 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก นายเลาเจอ เล่าไทวนันท์ หรือเจ๊อะ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 239 หมู่ 11 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก และนายอนุรักษ์ โรจน์แสงสิทธิ์กุล อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/2 หมู่ 11 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก พร้อมของกลางยาบ้า 1 แสนเม็ด โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เงินสด 7.8 หมื่นบาท อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีน 2 อัน และรถกระบะโตโยต้า สีเทา ทะเบียน บจ 1721 ตาก
พล.ต.ต.อุดมกล่าวว่า
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส. 2 นำโดย พ.ต.อ.ฉัตรชัย ศิริทรัพย์ ผกก.กก.3 บก.ปส.2 รับแจ้งจากสายว่านายบี และนายเจ๊อะ สองชาวเขาเผ่าม้งมีพฤติการณ์เป็นเอเย่นต์จำหน่ายยาบ้ารายใหญ่ จึงวางแผนจับกุมโดยโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ต้องหาเพื่อขอซื้อยาบ้า โดยทั้งสองคนได้นัดให้มาเจรจากันที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำปิง อ.เมือง จ.ตาก เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเข้าไปเจรจากับทั้งสองคนโดยตกลงจำหน่ายยาบ้าให้ 50 มัด ราคามัดละ 1.6 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8 ล้านบาท
รองผบช.ปส.กล่าวอีกว่า
ต่อมาวันที่ 12 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ต้องหาทั้งสองคนว่า จะมารับยาบ้าในวันที่ 13 พฤศจิกายน เวลา 11.00 น. ในวันนัดรับยาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 กก.3 และเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังนเรศวร ปลอมตัวนำเงินสดจำนวน 8 ล้านบาท ไปให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนที่บ้านพักของนายบี เลขที่ 32/พ หมู่ 11 ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งมีนายอนุรักษ์เข้ามาร่วมตรวจนับด้วย จากนั้นนายบีได้ขับรถกระบะของกลางไปนำยาบ้าจำนวน 1 แสนเม็ด ที่ซุกซ่อนไว้มาส่งมอบให้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม และตรวจค้นภายในบ้านจนสามารถยึดของกลางทั้งหมดไว้ได้ ก่อนคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสามคนรับสารภาพว่า
ได้ร่วมกันจำหน่ายยาบ้ามานานแล้ว โดยจะไปรับยาจากประเทศพม่าแล้วลักลอบขนเข้ามาทาง จ.เชียงใหม่ หรือ จ.เชียงราย ก่อนจะนำยาไปพักไว้ในป่าที่อยู่ห่างจากบ้านพักไปประมาณ 7 กิโลเมตร โดยบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของชนกลุ่มน้อย เมื่อลูกค้ามาติดต่อซื้อยาบ้า ก็จะขับรถไปเอายาเสพติดที่ซ่อนไว้มาให้ลูกค้า
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 4 ปีถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1-5 ล้านบาท หรือประหารชีวิต ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป