อาจารย์ม.ราชภัฏเชียงใหม่รุดแจ้งความดำเนินคดีม.แม่โจ้
เปิดให้เรียนหลักสูตรด๊อกเตอร์ แต่เรียนไปเรียนมาหลักสูตรกลับไม่ผ่าน เท่ากับต้องสูญเงินลงทะเบียน ค่าดูงานเมืองนอก และอื่นๆ รวมเกือบ 1 ล้าน กล่าวหาม.แม่โจ้ฉ้อโกงประชาชน และเป็นจนท.รัฐปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แฉมีขรก.ผู้ใหญ่ในเชียงใหม่มาลงเรียนหลักสูตรเดียวกันร่วม 20 คน เริ่มมาตั้งแต่ปี"48 จนเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมานี้เอง ปรากฏหลักสูตรถูกตีกลับ มีปัญหาอาจารย์ผู้สอนมีวุฒิฯ ไม่ตรง ทางด้านอธิการบดีม.แม่โจ้แจง กำลังแก้ปัญหาอาจารย์วุฒิฯ ไม่ตรง แต่หลักสูตรยังสอนต่อไป
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 พ.ย.
พ.ต.ท.ชาคริต เอกะสิงห์ พนักงานสอบสวน สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุจากนายนิมิตร วุฒิอินทร์ อาจารย์สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ขอให้ดำเนินคดีกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากสมัครเรียนระดับปริญญาเอก แต่ภายหลังกลับถูกยกเลิกหลักสูตร ทำให้ต้องสูญเสียเงินค่าการศึกษาเป็นจำนวนเกือบ 1,000,000 บาท
จากการสอบสวน นายนิมิตรให้การว่า
ในปี 2548 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ประกาศรับสมัครบัณฑิตวิทยาลัย ระดับปริญญาเอก สาขาวิชาพัฒนาการท่องเที่ยว คณะพัฒนาการท่องเที่ยว ด้วยความสนใจจึงเข้าสมัครเรียนภาควันเสาร์-อาทิตย์ พร้อมกับข้าราชการระดับสูงในจ.เชียงใหม่ รวมประมาณ 20 คน หลังจากเริ่มเรียนมาตั้งแต่ปี 2548 กระทั่งวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยได้เรียกประชุมนักศึกษา และแจ้งให้ทราบว่าทางทบวงมหาวิทยาลัยไม่ผ่านหลักสูตร เนื่องจากติดปัญหาเรื่องอาจารย์ผู้สอนมีวุฒิการศึกษาไม่ตรงกับหลักสูตร จึงไม่ผ่านมาตรฐาน และทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มีหนังสือแจ้งคืนหลักสูตรกลับมาให้ทางมหาวิทยาลัย
นายนิมิตรให้การต่อว่า
กรณีที่เกิดขึ้นอาจเรียกได้ว่าพวกเราเรียนหลักสูตรเถื่อน ส่งผลกระทบกับนักศึกษาคนอื่นที่เข้าเรียน โดยส่วนใหญ่นักศึกษาในสาขาวิชานี้จะเป็นข้าราชการระดับ 7 และระดับ 8 ต้องลาราชการมาเรียน และผิดสัญญาทุนต้นสังกัด นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่เสียไป โดยทางมหาวิทยาลัยเรียกเก็บแบบเหมาจ่าย ทั้งหลักสูตรเป็นเงินคนละ 450,000 บาท ยังไม่รวมกับค่าดูงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกประมาณ 150,000 บาท เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้ว ต้องเสียเงินไปถึง 970,000 บาท
อาจารย์สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ให้การว่า
หลังจากทราบปัญหา ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้แจ้งว่า หากใครไม่ต้องการเรียนต่อจะคืนเงินค่าเรียนให้ 450,000 บาท ส่วนที่เหลือไม่สามารถจ่ายให้ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา โดยเฉพาะกรณีดูงานต่างประเทศ แต่หากนักศึกษาที่ต้องการจะเรียนต่อจะต้องจ่ายภายใน 5 ปี เนื่องจากขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยกำลังส่งอาจารย์ไปศึกษาต่อให้มีคุณวุฒิตรงตามหลักสูตร กรณีที่เกิดขึ้นนักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ต้องการออกมาเรียกร้องมากนัก เนื่องจากเป็นคนมีตำแหน่งหน้าที่ในสังคม แต่มีหนึ่งรายที่ไปร้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา และตนเป็นรายที่ 2 ที่แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดี
"หลักสูตรที่เปิดสอน ทางมหาวิทยาลัยควรจะตรวจสอบ และผ่านการรับรองจากสกอ.แล้วจึงค่อยเปิดรับสมัคร เพราะหากยังไม่ได้รับการรับรองแล้วเปิดรับสมัครจนหลักสูตรถูกตีคืนภายหลัง ก็ไม่ต่างจากการหลอกลวงให้ผู้สนใจเข้ามาสมัครจนเสียเงินไปรวมแล้วเกือบ 10 ล้านบาท และการแจ้งความก็เพื่อต้องการให้ทางมหาวิทยาลัยรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น" นายนิมิตรกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ชาคริต เอกะสิงห์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า
เบื้องต้นนายนิมิตรได้เข้าแจ้งความในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีหลักฐานเป็นใบสมัครมาแสดง ในส่วนของการสอบสวนจะต้องดูว่ามีข้อเท็จจริงตามคำร้องทุกข์หรือไม่ โดยจะตรวจสอบรายละเอียดของหลักสูตรไปยังสกอ.ก่อน และหากมีข้อเท็จจริงตามคำร้องทุกข์ จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ด้าน รศ.ดร.เทพ พงษ์พาณิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า
ตามขั้นตอนของการเปิดหลักสูตรจะต้องนำเสนอหลักสูตรเข้าสู่สภามหาวิทยาลัย เมื่อสภาฯ เห็นชอบก็สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ จากนั้นจะต้องส่งหลักสูตรไปยังสกอ.เพื่อให้การรับรองอีกครั้งหนึ่ง กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อทางสกอ.ไม่ให้การรับรอง โดยระบุปัญหาเรื่องคุณวุฒิของอาจารย์ ผู้สอนจึงมีหนังสือมายังมหาวิทยาลัยให้แก้ไข ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยกำลังแก้ไขข้อบกพร่อง โดยยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังคงเรียนและสอนตามปกติ และไม่ได้ปิดหลักสูตรแต่อย่างใด กรณีที่นักศึกษาบางคนไปร้องศาลปกครองและแจ้งความ อาจเป็นเพราะความเข้าใจผิด และด้วยอารมณ์โกรธ ขณะเดียวกันยังอาจมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอาจมีขบวนการทำลายมหาวิทยาลัยให้เสื่อมเสียชื่อเสียง