รวบหมอเถื่อนคาคลินิก ย่านเจริญนคร
หลังหมอ รพ.เจริญกรุงฯ ตัวจริงโผล่แจ้งจับ สารภาพเรียนจบแค่ ม.6 ใช้วิธีหาชื่อหมอในเว็บไซต์โรงพยาบาล ก่อนจ้างร้านถ่ายเอกสารทำบัตรปลอมแอบอ้าง พบเคยถูกตำรวจบุกทลายคลินิกเถื่อนที่อุดรฯ เมื่อ 6 เดือนก่อนหนุ่มอุดรฯ เรียนจบแค่ ม.6 แอบอ้างเป็นหมอรักษาโรคในคลินิกแต่เรื่องมาแดงเพราะหมอตัวจริงบังเอิญไปพบคนไข้จากคลินิกที่ถูกส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาล มีชื่อของตัวเองเป็นหมอเจ้าของไข้ ก่อนเข้าแจ้งความจับหมอเถื่อนรายนี้
โดยเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน
พ.ต.อ.วิศาล พันธุ์มณี ผกก.สน.บุคคโล พ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญเพ็ชร์ รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล พ.ต.ท.สุพจน์ อาวุโสสกุล สว.สส.สน.บุคคโล และ พ.ต.ท.ขวัญชัย ศรีมานุสรณ์ สว.สป.สน.บุคคโล ร่วมกันนำกำลังเข้าจับกุม นายสมิทธิ์ โนนเสนา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 12 ต.หัวนาคำ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาในคดีประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิชอบ และใช้คำว่า นายแพทย์ หรืออักษรย่อของคำดังกล่าวประกอบกับชื่อ หรือนามสกุลของตนโดยไม่มีสิทธิ และปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม ได้ภายในคลินิกแห่งหนึ่งบริเวณปากซอยเจริญนคร 62 ถนนเจริญนคร แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม.
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจาก นพ.เดชพร พุทธิวรา นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ว่า
มีผู้แอบอ้างใช้ชื่อไปสมัครเป็นแพทย์อยู่ในคลินิกดังกล่าว โดยทราบเรื่องด้วยความบังเอิญเนื่องจากมีคนไข้ถูกส่งมารักษาตัว แต่ปรากฏชื่อของตัวเองเป็นเจ้าของไข้ อย่างไรก็ตาม หลังทราบเรื่องตำรวจได้สืบสวนสอบสวน พร้อมตรวจสอบไปยังคลินิกดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีผู้แอบอ้างจริง จึงนำกำลังเข้าจับกุม จากการตรวจค้นพบหลักฐานบัตรนายแพทย์ปลอม ระบุชื่อ นพ.เดชพร พุทธิวรา สังกัดโรงพยาบาลศิริราช
จากการสอบสวน นายสมิทธิ์ ให้การรับสารภาพว่า
ได้แอบอ้างใช้ชื่อ นพ.เดชพร จริง โดยชื่อดังกล่าวได้มาจากการเข้าไปในเว็บไซต์ของโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อหารายชื่อแพทย์จากโรงพยาบาลนั้นๆ เมื่อได้ชื่อมาแล้วก็จะไปว่าจ้างร้านถ่ายเอกสารแห่งหนึ่งย่านรังสิต จ.ปทุมธานี ให้ทำบัตรประจำตัวแพทย์ปลอม ในราคา 80 บาท จากนั้นก็จะออกไปตระเวนดูว่ามีคลินิกใดรับสมัครแพทย์ หากพบก็จะกลับไปแต่งกายให้ดูภูมิฐานเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ ก่อนจะกลับมาสมัครงานที่คลินิก และเท่าที่รู้มา คือ คลินิกส่วนใหญ่จะไม่ตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด เพราะเกรงใจคนที่มีวิชาชีพเดียวกัน
"ผมทำงานที่นี่ได้แค่ 4 วัน ส่วนใหญ่จะเจอคนไข้ที่เข้ามารักษาเบื้องต้น แค่พวกป่วยตัวร้อน จริงๆ แล้วผมเรียนจบแค่ชั้น ม.6 เท่านั้น และที่ผมรักษาคนไข้ได้เนื่องจากไปหาตำราแพทย์มาอ่าน จึงพอจะเป็นอยู่บ้าง ที่ทำไปเพราะต้องการหาเงินไปจ่ายหนี้และเอาไว้เที่ยวเตร่" นายสมิทธิ์ กล่าวด้วยสีหน้าสลด
ด้าน พ.ต.อ.วิศาล กล่าวว่า
ก่อนการจับกุม นพ.เดชพร แจ้งว่ามีคนแอบอ้างชื่อเป็นแพทย์อยู่ในคลิกนิก และที่ทราบเนื่องจากคลินิกดังกล่าวได้ส่งคนไข้รายหนึ่งมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ด้วยความบังเอิญ นพ.เดชพร ซึ่งเป็นแพทย์เวร ก็เห็นชื่อตัวเองเป็นแพทย์เจ้าของไข้ จึงเข้าแจ้งความ และจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายสมิทธิ์เคยถูกจับกุมในลักษณะเดียวกันที่ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ตอนนี้หนีคดีในระหว่างการประกันตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ก่อนหน้านี้นายสมิทธิ์ได้เปิดสถานพยาบาลชื่อ “สมิทธิ์การแพทย์และสุขภาพ” ตั้งอยู่เลขที่ 150 ต.บ้านจีต กิ่ง อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี กระทั่งถูกตำรวจจับกุม จากการตรวจค้นพบหลักฐานปลอมหลายรายการ เช่น สำเนาใบปริญญาบัตรแพทยศาสตร์ สำเนาประกาศนียบัตรจากสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ระเบียนคนไข้ที่มารักษาตั้งแต่เดือนมกราคม 2550-พฤษภาคม 2550 จำนวน 588 ระเบียน เอกสารประชาสัมพันธ์โครงการหลักประกันสุขภาพชุมชนสมิทธิ์การแพทย์และสุขภาพ และแบบฟอร์มใบรับรองแพทย์ของสมิทธิ์การแพทย์และสุขภาพ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานายสมิทธิ์ 5 ข้อ คือ
1.ประกอบการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิชอบ
3.ใช้คำว่านายแพทย์ประกอบกับชื่อ หรือนามสกุลของตนโดยไม่มีสิทธิ
4.ใช้คำแสดงวุฒิการศึกษาทางแพทยศาสตร์ประกอบกับชื่อ หรือนามสกุลของตนเองโดยไม่มีสิทธิ และ
5.ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม
ครั้งนั้น นายสมิทธิ์รับสารภาพว่า
เรียนจบชั้น ป.6 ที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคาน อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ทางบ้านฐานะยากจนจึงบวชเรียนต่อชั้น ม.1-6 ที่วัดจันทรังษี อ.วังสะพุง จ.เลย ด้วยความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าโตขึ้นอยากเป็นหมอ พอเรียนจบ ม.6 จึงไปสมัครสอบที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แต่สอบไม่ติด จึงไปหาหนังสือเกี่ยวกับแพทย์มาอ่าน เลยพอมีความรู้บ้าง จึงไปสมัครทำงานตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งที่กรุงเทพฯ สมุทรสาคร หนองคาย และอุดรธานี แต่ก็ทำงานได้ไม่นาน เนื่องจากถูกจับได้ว่าเป็นหมอปลอม สุดท้ายจึงมาเปิดคลินิกที่กิ่ง อ.กู่แก้ว โดยนำปริญญาบัตรของผู้อื่นไปปลอมด้วยการแก้ไขชื่อเป็นชื่อของตัวเอง พร้อมทั้งเปลี่ยนนามสกุลเป็น "โรซาร์พิทักษ์” โดยระบุว่า จบการศึกษาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เกียรตินิยมอันดับ 2 ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อมารักษาร่วม 600 ราย