ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีด้านอาชญากรรมข้ามชาติระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 5-8 พ.ย.ที่ประเทศบรูไน กรณีที่คณะกรรมการดำเนินการตามนโยบายวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง(ครส.)ที่จะขอมติกกต.เข้าไปช่วยปราบปรามการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเกรงว่าจะเป็นการแทรกแซงการทำงานของกกต.ว่า เป็นการเข้าใจที่กลับกัน ในการประชุมครส.
ที่ผ่านมามีตัวแทนกกต.
เข้าร่วมประชุมด้วยจริงๆแล้วกกต.มีแนวคิดว่าหากมีแต่การป้องปรามโดยที่ไม่มีการปราบปรามก็จะทำงานไม่สำเร็จ เรื่องของการป้องปรามมีอยู่แล้วทุกส่วนรวมถึงครส.แต่เรื่องการปราบปรามที่กกต.มีกำลังไม่พออาจจะขอกำลังเสริมเพื่อไปใช้ในการปราบปรามของกกต.ซึ่งครส.ไม่มีหน้าที่ไปปราบปรามเอง อย่างไรก็ตามถ้าจะให้ ครส.ทำในส่วนนี้ก็ต้องหารือกันก่อนว่าจะให้ทำอะไรบ้างภายใต้กรอบของกกต.
เมื่อถามว่า ครส.ไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการปราบปรามใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า
ในการประชุมครส.ได้พูดคุยกันว่าหากกกต.ยังขาดเครื่องมือ ครส.สามารถพัฒนาในการใช้เครื่องมือแทนได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าในแง่การทำงาน ครส.จำเป็นต้องเสนอตัวเป็นช่องทางในการรับแจ้งปัญหาการทุจริตหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ครส.ได้รับแจ้งเรื่องการทุจริตอยู่แล้วว่าพื้นที่ใดบ้างที่มีลักษณะการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้แจ้งให้กกต.เข้าไปตรวจสอบ ต่อข้อถามว่าจากการหารือกันครส.จะเข้าไปช่วยสนับสนุนในด้านใดได้บ้างโดยที่ไม่เป็นการก้าวล่วงการทำงานของกกต.พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจของคณะทำงานระหว่างกกต.และครส.ส่วนการประสานงานก็ต้องคุยกันอีกครั้งหนึ่งระหว่างเลขาธิการกกต.กับเลขาธิการครส.