หลังจาก น.ส.สุชิน พันธุ์แตง สาวสู้ชีวิตที่ต้องใช้ แขนแทนขา เนื่องจากพิการขาลีบทั้งสองข้าง ได้คลานขึ้น สภ.เมืองสุพรรณบุรี
แจ้งความว่าถูกหลอกเอาเงินไปโดยเมื่อปี 2548 รายการโทรทัศน์ชื่อ “คนค้นฅน” มาถ่ายทำการต่อสู้ชีวิตที่ยากจนต้องหาเงินเลี้ยงหลานกับพ่อ เมื่อเรื่องราวเผยแพร่ออกไป มีคนสงสารบริจาคเงินช่วยเหลือกว่า 6 ล้านบาท ต่อมามีนายอารีย์ ศรฟ้า เข้ามาตีสนิทจนชอบพออยู่กินกันนาน 1 ปี ขณะอยู่ด้วยกันได้หลอกเอาเงินที่ได้ไปใช้จ่ายจนหมดก่อนแยกทางกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและสภาทนายความ รวมทั้งนางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิชย์ เร่งให้ความช่วยเหลือ
ขณะที่นายอารีย์ออกมาโต้ว่า ไม่ได้หลอกลวง
เนื่องจากเพิ่งรู้ว่า น.ส.สุชินมีเงินหลังจากอยู่ด้วยกันแล้ว 2 เดือน แต่ยอมรับว่าเอาเงินไป 1.7 ล้านบาท ซื้อที่ดิน 4 ไร่ ที่ ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รถยนต์ และอะไหล่จักรยานยนต์มาขาย หลังจากเลิกกันได้คืนรถและที่ดินให้ เหลือเพียงเงินที่ซื้อสินค้าอีก 4 แสนบาท ที่ยังไม่ได้คืนให้ เผยระหว่างอยู่ด้วยกัน มีผู้ชายมารับ น.ส.สุชิน ออกจากบ้าน เตือนให้เลิกคบหาก็ไม่เชื่อ ยืนยันยังรักอดีตภรรยา
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 31 ต.ค. ผู้สื่อข่าวจำนวนมากต่างแห่กันไปที่บ้านของ น.ส.สุชิน และที่ร้านนายอารีย์
นอกจากนี้ มีรายการโทรทัศน์หลายรายการจากทุกสถานีเอารถไปรอรับไปออกรายการสดจนต้องจัดคิวกัน โดย น.ส. สุชินให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงที่เริ่มคบกัน นายอารีย์เคยรับออกจากบ้านบอกว่า จะพาไปทำบุญที่วัดและไปดูร้านอะไหล่ที่ทำอยู่ แต่ไม่ได้ไปวัด แถมยังผ่านร้านแค่แวบเดียวก่อนจะพาเข้าโรงแรม บอกว่าสงสารไม่รังเกียจ พร้อมจะรับผิดชอบ พอฟังแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นลูกผู้ชายดี ที่ผ่านมาเคยเจอผู้ชายมาเยอะ ทุกคนรังเกียจ ล้อเลียนด่าว่า บางคนแกล้งคลานตาม เป็นการดูถูกรู้สึกมีปมด้อย
ส่วนเรื่องที่บอกว่าไม่รู้ที่มีเงินมากนั้น ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ เนื่องจากออกรายการไปไม่นาน นายอารีย์ ก็มาหาบอกว่าดูรายการแล้วสงสาร อยากช่วยดูแล เค้ารู้ ว่ามีเงินเลยมาตีสนิททำตัวดีแบบไม่เคยเจอในผู้ชายคนอื่นมาก่อน
เวลาอยู่ด้วยกันก็ขอดูสมุดบัญชีและให้ไปเบิกเงิน ตอนซื้อที่ดินก็บอกว่าแม่ไม่มีที่อยู่และจะให้ตนไปอยู่ด้วยเพื่อค้าขาย ตอนที่ตนป่วยก็ให้ไปเบิกเงิน 5 แสนบาท ใส่บัญชีชื่อนายอารีย์ เพราะกลัวว่าหากตนเป็นอะไรไปจะเบิกไม่ได้ และจะเอาเงินก้อนนี้ไว้ดูแลตนและพ่อของนายอารีย์ที่ป่วย นอกจากนี้ ยังบอกว่าเคยมีแฟนตอนอายุ 15-16 ปี และถูกพ่อแม่ฝ่ายหญิงขอเงิน 1 แสนบาท มิฉะนั้นต้องแต่งงาน จึงขอเงินตนไปเคลียร์ก็เลยให้ไป ยิ่งพอรู้ว่ามีภรรยาแล้วก็หาเรื่องตบตีและกล่าวหาว่าตนมีชู้ มีผู้ชายมารับ ซึ่งไม่จริง เพราะเวลาทะเลาะกันทุกครั้งตนจะโทรศัพท์ให้เพื่อนจ้างรถมารับกลับบ้านที่ จ.สุพรรณบุรี ขณะเดียวกันนายอารีย์ไปพูดกับคนอื่นว่า ขยะแขยงไม่อยากโดนตัว นอนกันคนละมุมห้อง บางครั้งนายอารีย์ไปนอนในรถ สำหรับรถปิกอัพที่คืนมาให้ก็ถอดเครื่องเสียงราคาเป็นแสนออกไปหมด ส่วนที่ดินยังไม่ได้คืน เพราะติดธนาคาร
“ขอท้าไปตายที่ไหนก็ได้ ที่เค้าให้สัมภาษณ์ไม่ใช่ เรื่องจริง ขอปฏิญาณว่าจะไม่พูดกับผู้ชายคนนี้อีก เมื่อก่อนยอมรับว่ารัก เพราะไม่เคยเจอผู้ชายที่มารักทุ่มเทให้ความหวังดีดูแล เพราะเรามีปมด้อยเลยฝากชีวิตไว้ แต่ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว เค้าเคยซ้อมและตบตี บางครั้งเตะและเอาปืนตี ต้องโทรศัพท์ให้หลานไปรับกลับบ้านได้ ไม่กี่วันปวดหัวต้องเข้าโรงพยาบาล เจ็บขนาดไหนไม่เคยเล่าให้พ่อฟัง และได้ขอโทษพ่อ เสียใจให้กับพ่อมากกว่า” น.ส.สุชินกล่าวพร้อมกับร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร