เมียยันโกรักษ์ไม่ได้ฆ่าชาญชัย

จากคดีสังหารน.พ.ชาญชัย ศิลปอวยชัย นายกอบจ.แพร่ ซึ่งตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 คน

ประกอบด้วย นายธานี หรือเอ๊ด วงศ์แพทย์ อายุ 31 ปี มือปืน นายเกียรติศักดิ์ หรือหนุ่ย ปงลังกา อายุ 25 ปี และนายอิทธิกร หรือเล็ก อึ้งตระกูล อายุ 30 ปี โดยนายธานีให้การซัดทอดว่านายจงรักษ์ หรือโกรักษ์ ศุภศิริ ลูกพี่ลูกน้องของนางศิริวรรณ หรือแม่เลี้ยงติ๊ก ปราศจากศัตรู อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้จ้างวานฆ่าในราคา 5 หมื่นบาท ล่าสุดตำรวจจับกุมนายเจตริน หรือไอ้ทิด อินประดิษฐ์ อายุ 24 ปี คนขี่จยย.ให้มือปืนได้ที่จ.ลำพูน เหลือเพียงนายกาบ ไม่ทราบนามสกุล คนร้ายอีกรายที่ยังหลบหนีอยู่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พ.ย.

ที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ นางพัชรี ศุภศิริ ภรรยานายจงรักษ์ หรือโกรักษ์ พร้อมด้วยบุตรสาว และนางมนสิการ ศุภศิริ ภรรยานายพงษ์สวัสดิ์ หรือโกปี้ ศุภศิริ เดินทางมาเยี่ยมนายจงรักษ์ ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมง

นางพัชรีกล่าวว่า ขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับสามี อยากถามว่านายจงรักษ์มีความผิดอะไรถึงต้องบุกจับ ค้นบ้านขนาดนั้น

และยังยัดเยียดข้อหาให้ อย่างไรก็ตาม ส่วนธุรกิจในครอบครัวนั้นนายจงรักษ์เปิดโรงงานบรรจุก๊าซและอยากจะถามว่ามันไปเกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง รวมทั้งเรื่องความขัดแย้งกรณีเงิน 120 ล้านบาทภายในอบจ.แพร่ ก็อยากถามเช่นกันว่ามันเกี่ยวอะไรกับธุรกิจของครอบครัว

นางพัชรี กล่าวต่อว่า

ส่วนการดูแลนายจงรักษ์ของเรือนจําพิเศษฯขณะนี้ดูแลดี แต่พบว่านายจงรักษ์ถูกจับใส่โซ่ตรวน และขณะนี้นายจงรักษ์ก็มีโรคประจําตัวซึ่งต้องกินยาทุกวัน และต้องรักษาต่อเนื่อง และนายจงรักษ์ก็ไม่ได้ขออภิสิทธิ์อะไร ปฏิบัติตามระเบียบเรือนจําทุกอย่าง ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้นคาดว่าจะให้ทนายเป็นผู้ดําเนินการคาดว่าเร็วๆนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า

นอกจากครอบครัวของนายจงรักษ์ หรือโกรักษ์มาเยี่ยมแล้วยังมีบรรดาเพื่อนสนิทที่จ.แพร่ เดินทางมาตลอดทั้งวัน และในวันนี้ทางเรือนจําได้จําแนกผู้ต้องขังออกจากกัน ซึ่งเป็นระเบียบปฏิบัติของทางเรือนจําที่ต้องจําแนกทุกสัปดาห์

วันเดียวกัน ที่สภ.เมืองแพร่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำนายเจตริน หรือทิด ผู้ต้องหาร่วมแก๊งสังหารน.พ.ชาญชัย โดยนายเจตรินให้การอีกครั้งว่า เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้กับนายธานี มือปืนไปสังหารน.พ.ชาญชัยจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากนายธานีเป็นเงิน 2 หมื่นบาท แต่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง เพราะนายธานีโดนตำรวจจับเสียก่อน จากนั้นมีนายบุญส่ง อินประดิษฐ์ อายุ 55 ปี และนางจำเนียร ใจดี อายุ 33 ปี พ่อและพี่สาวได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายเจตริน โดยนายบุญส่งกล่าวว่า ไม่ทราบว่าลูกชายเป็นผู้ร่วมสังหารน.พ.ชาญชัย เนื่องจากก่อนหน้านี้ลูกชายทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาบ้านที่จังหวัดแพร่ได้เพียง 10 วันก็เกิดเหตุดังกล่าว เท่าที่ได้คุยกับลูกชายแล้ว ลูกยอมรับว่าเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อสังหารหมอชาญชัยจริง และได้รับการว่าจ้างจากนายธานีซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กเป็นเงิน 2 หมื่นบาท แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างแต่อย่างใด

"ความจริงแล้วผมก็เป็นห่วงลูก แต่การที่ลูกถูกจับยังดีกว่าอยู่ข้างนอก เพราะอยู่ในคุกยังมีเกราะป้องกัน มีการคุ้มครอง

 แต่อยู่ข้างนอกไม่มั่นใจเพราะอาจเกิดอันตรายจากผู้มีอิทธิพลก็เป็นได้ ที่สำคัญผมและครอบครัวมีฐานะยากจน คงไม่มีเงินไปสู้คดีที่กรุงเทพฯอย่างแน่นอน"นายบุญส่งกล่าว

ต่อมาเวลา 13.00 น.

ตำรวจกองปราบปรามเบิกตัวนายเจตรินไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่สนามกีฬากลางจังหวัดแพร่ โดยขอกำลังตำรวจแพร่กว่า 150 นายให้การคุ้มกันผู้ต้องหา เนื่องจากมีประชาชนแห่เดินทางมาดูการทำแผนครั้งนี้กว่า 200 คน โดยทำแผนช่วงที่นายเจตรินขี่รถจักรยานยนต์พานายธานีมาจอดรอหมอชาญชัย และขี่รถพานายธานีหลบหนีหลังลงมือสังหารหมอชาญชัยเรียบร้อยแล้ว โดยไปที่ร้านถุงเงิน ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

กองปราบฯได้นำตัวนายเจตรินเดินทางเข้ากทม.ทันที โดยกำลังพิจารณาว่าจะกันนายเจตรินไว้เป็นพยาน เนื่องจากให้การรับสารภาพ ขณะที่นายธานีเริ่มพลิกคำให้การ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์