แห่ขุดแร่ดำในสวนยาง เชื่อเป็นเหล็กไหล

ชาวบ้าน 4 จว.ใต้ แห่ขุดแร่ดำในสวนยางบนเทือกเขาขายสร้างรายได้มหาศาล เชื่อเป็นเหล็กไหล บางรายอ้างแช่น้ำรักษาโรคหาย จนท.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เก็บหินตัวอย่างส่งตรวจพิสูจน์แล้ว คาดอยู่ในตระกูลแมงกานีส
 

ภายในสวนยางบริเวณเทือกเขา ข้างสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล  ควนโนรี หมู่ 5 บ้านพรุจูด ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พบแร่สีดำ หรือหินสีดำ เป็นจำนวนมาก โดยบางคนเชื่อว่าเป็นเหล็กไหล ทำให้มีชาวบ้านใน จ.ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสงขลา แห่กันไปขุดแร่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่า บนถนนในพื้นที่ดังกล่าว มีรถยนต์จอดอยู่สองฝั่งยาวเหยียด

และภายในสวนยางยังพบว่ามีรถจักรยานยนต์จอดอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเห็นประชาชน ทั้งคนแก่ วัยรุ่นชาย-หญิง ต่างถือจอบ ถือเหล็ก และอุปกรณ์การขุดเดินขึ้นไปบนเทือกเขา นอกจากนั้น บริเวณทางขึ้นเทือกเขาพบว่ามีประชาชนนั่งกันเป็นกลุ่ม นำหินสีดำที่ขุดพบมาจำหน่าย และมีการนำหินมาเจียระไนทำเป็นหัวแหวน โดยลักษณะหินดังกล่าวแตกต่างจากหินโดยทั่วไป มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เป็นสีดำแวววาวสวยงาม และยังมีอีกหลายประเภท เช่น สเตนเลสดำ โดยขายตั้งแต่ราคา 1,000-10,000 บาท ส่วนชนิดดำแดง ขายราคา 100-800 บาท และชนิดสีชาขายราคา 100-500 บาท
 
ส่วนหินที่ยังไม่เจียระไน ราคาขายอยู่ที่ 50-2,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีหินที่มีหินดำงอกออกมา จะมีราคาแพง โดยเฉพาะก้อนใหญ่จะมีราคาถึง 15,000 บาท อย่างไรก็ตาม บางคนที่ไม่อยากขุดก็ซื้อเก็บไว้ โดยอ้างว่าหินดังกล่าวเป็นเหล็กไหล บางคนก็เชื่อว่าเป็นหินที่ให้โชคลาภ บางคนนำไปใช้รักษาโรค เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่นิยมนำไปทำเป็นหัวแหวน และล็อกเกตสำหรับผู้หญิง จนสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่ชาวบ้านที่ไปขุดหา เพราะยังสามารถนำไปจำหน่ายตามร้านค้าที่รับซื้อทั่วไปใน จ.ปัตตานี ได้


นายสตาปา แวซะ อายุ 56 ปี หนึ่งในเจ้าของสวนยางบริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า

สวนยางแห่งนี้เป็นของบรรพบุรุษ มีประมาณ 10 ไร่ ได้แบ่งมรดกให้แก่พี่ๆ น้องๆ อยู่ในแปลงเดียวกัน ซึ่งสาเหตุที่มีชาวบ้านแห่กันมาขุดหินบนเทือกเขาแห่งนี้ เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 7 เดือน นายมะแอ ยูโซ๊ะ เป็นหนึ่งในเจ้าของสวนยางบริเวณนี้เช่นกัน และเป็นสมาชิก อบต.ควนโนรี ซึ่งเป็นญาติกับตน บอกว่ามีคนแก่มาเข้าฝัน ว่าให้ไปขุดหินบนเทือกเขานี้ และไปแจกให้แก่ชาวบ้านที่มีฐานะยากจนเพื่อจะได้มีรายได้
 

"หลังจากนั้น นายมะแอได้ชวนญาติและพี่ๆ น้องๆ 4 คนไปขุด ปรากฏว่าพบหินที่มีความแตกต่างจากหินธรรมดา เลยนำไปแจกให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และบอกว่าเป็นหินที่บรรพบุรุษเข้าฝันให้มาแจกชาวบ้าน ส่วนผมก็เก็บไว้บางส่วน ปรากฏว่ามีโชคดีหลายเรื่อง และยังรักษาอาการปวดท้อง ปวดฟัน และตัวร้อนได้ โดยนำหินมาแช่น้ำ แล้วเอาน้ำมาลูบตรงที่เจ็บประมาณครึ่งชั่วโมง อาการก็ดีขึ้น" นายสตาปา กล่าว
 

สำหรับชาวบ้านที่ได้รับแจกหินไปนั้น บางคนนำไปทิ้ง แต่ชาวบ้านบางคนนำไปเจียระไน แล้วนำไปขายให้แก่พ่อค้าในตลาดมีราคา 1,000 บาทขึ้นไป

จนข่าวแพร่หลายออกไปมาก เป็นเหตุให้ชาวบ้านแห่กันมาขุด โดยเฉพาะชาวบ้านที่ขุดช่วงเดือนแรกจะได้หินที่มีความสวยงามมาก และขุดพบง่ายกว่าทุกวันนี้ ซึ่งช่วงนี้บางวันมีประชาชนมาขุดมากถึงพันกว่าคน นายสตาปา กล่าวอีกว่า แร่ที่ชาวบ้านขุดเจอนั้นมีหลายลักษณะเป็นรูปทรงต่างๆ ซึ่งมีสีดำเป็นส่วนมาก แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นแร่ชนิดใด ชาวบ้านต่างก็ลือไปต่างๆ นานา เพราะไม่เคยพบหินดังกล่าวจึงเป็นเรื่องแปลก บางคนบอกว่าเป็นแร่แมงกานีส บางคนบอกว่าเป็นแร่ชนิดเหล็กไหล และชาวบ้านบางคนนำไปทำเครื่องรางป้องกันอันตราย บ้างก็นำมาเก็บไว้ในยานพาหนะ แตกต่างกันไป
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ชาวบ้านจะขุดแร่ดังกล่าวมานานหลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาตรวจสอบว่าเป็นแร่ชนิดใด มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

ทำให้ชาวบ้านก็ยังมีการขุดอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่เป็นอย่างดี ในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ด้านนางจินตวดี พิทยเมธากุล หัวหน้าทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า ทราบเรื่องที่ชาวบ้านเข้าไปขุดพบหินดำแล้ว แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นแร่ชนิดใด จะต้องส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญใช้เครื่องมือตรวจสอบจึงจะทราบ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงไปเก็บหินตัวอย่างมาตรวจพิสูจน์แล้ว คาดว่าน่าจะทราบผลในวันที่ 5 พฤศจิกายน
 

นางจินตวดี กล่าวว่า ใน จ.ปัตตานี ไม่มีผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีความรู้เรื่องดังกล่าว

จึงจำเป็นต้องเก็บตัวอย่างส่งไปตรวจสอบที่กรมทรัพยากรธรณี จ.สงขลา แต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นแร่ประเภทแมงกานีส และอาจจะอยู่ในตระกูลเหล็กไหลก็เป็นได้ ส่วนกรณีที่ชาวบ้านระบุว่า หากนำเอาหินดำชนิดดังกล่าวไปแช่น้ำ แล้วนำมาลูบท้อง หรือแก้ม จะทำให้หายปวดท้องปวดฟันได้นั้น เรื่องนี้ไม่สามารถยืนยันได้ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นอันตราย เพราะไม่ได้รับประทานเข้าไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์