ชาวกรุงเก่าสวดยับ พระนำชาวบ้านนุ่งขาวห่มขาวนับพันเข้ามาทำพิธีกรรมในวัดวรเชษฐ์
โบราณสถานเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา ปลุกดวงพระวิญญาณพระนเรศวร พระเอกาทศรถ พระสุพรรณกัลยา และมหาเถรคันฉ่อง อ้างเพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณทหารสมัยกรุงเก่า แล้วยังแสดงอุตริอีกหลายอย่าง รองผู้ว่าฯ ผ่านไปเห็นพอดีจี้กรมศิลป์-สำนักพุทธจัดการด่วน ก่อนกรุงศรีฯ จะถูกย่ำยีจนถูกถอดจากมรดกโลก
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 ต.ค.
ที่วัดวรเชษฐ์ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีประชาชนนุ่งขาวห่มขาวกว่า 1,000 คน พร้อมด้วยพระสงฆ์ พราหมณ์ และร่างทรง นำโดยพระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ เกจิชื่อดังจากภาคเหนือ มาประกอบพิธีกรรมบริเวณด้านหน้าพระปรางค์ของวัด ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
พระสงฆ์และประชาชนกลุ่มดังกล่าวเชื่อว่าวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ปลงพระศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างประกอบพิธีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไม่ใช่ตำรวจในจ.พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจากจังหวัดอื่นจำนวนมาก มาอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยภายในงานเหมือนกับเป็นเจ้าของพื้นที่เอง
สำหรับพิธีกรรมของพระสงฆ์และประชาชนกลุ่มดังกล่าว ลักษณะเหมือนการเข้าทรงปลุกดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นมา
พร้อมกับดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเอกาทศรถ ดวงพระวิญญาณพระสุพรรณกัลยา ดวงพระวิญญาณมหาเถรคันฉ่อง เพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณทหารที่เสียชีวิตในสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยา และเพื่ออำนวยพรให้ชี้ทางสว่างแก่ประชาชนชาวไทยที่กำลังประสบความทุกข์
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า
พระสงฆ์จะเจิมหน้าผากผู้ร่วมพิธี จากนั้นแจกพระเครื่องพร้อมประพรมน้ำมันแต่ต้องบริจาคเงิน ต่อด้วยพิธีกรวดน้ำโดยไปล้อมวงกันและสวดเป็นภาษาที่อ้างว่าเป็นภาษาสวรรค์ เป่าประโคมหอยสังข์ประกอบพิธี เสร็จแล้วทั้งหมดร่วมกันร้องโหยหวนลากเสียงยาวๆ ว่า"โอม"นานกว่า 30 นาที อ้างว่าเป็นการเปิดโลกนรกภูมิเพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณทหารให้ไปสู่สรวงสวรรค์ ไปผุดไปเกิดไม่ต้องทนทุกข์ จากนั้นตั้งเต็นท์และโต๊ะจีนเลี้ยงอาหารกันกลางวัดบริเวณพระปรางค์
วันเดียวกันนายชุมพร เตชะวัฒนวรรณา ประธานศูนย์ประสานงานองค์กรเอกชน จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า
การทำพิธีดังกล่าวเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เนื่องจากวัดวรเชษฐ์ เป็นโบราณสถานไม่ใช่วัดเหมือนวัดทั่วไป และมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับการประกอบพิธีกรรมของพระมหากษัตริย์เท่านั้น คนทั่วไปไม่สมควรมาใช้สถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้โบราณสถานวัดวรเชษฐ์ยังมีเรื่องฟ้องร้องคาราคาซังระหว่างกรมศิลปากรกับผู้พยายามครอบครองโบราณสถานแห่งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งผู้พยายามครอบครองถูกขับไล่ไปอยู่ภาคเหนือในขณะนี้
ด้านนายอุทาร ชวเมธี รองผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า
ตนผ่านไปเห็นการประกอบพิธีกรรมดังกล่าวพอดี ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นงานทอดกฐิน แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการประกอบพิธีกรรมในโบราณสถาน ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างมาก และยังเป็นพิธีที่ขัดต่อความเชื่อทางศาสนา กรมศิลปากรและสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติควรดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยด่วน เพราะอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าอนุญาตปล่อยเข้ามาใช้ประโยชน์ในโบราณสถาน
"ต้องดูว่าพิธีกรรมของคนถิ่นอื่นที่เข้ามาย่ำยีโบราณสถานนั้น อาจขัดกับความเป็นเมืองมรดกโลก และอาจถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำไปพิจารณาถอดถอนอยุธยาออกจากเมืองมรดกโลกได้" รองผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยากล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาคนหนึ่ง เปิดเผยว่า
มีการขอใช้พื้นที่วัดวรเชษฐ์ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยาจริง โดยเอกสารทำถึงอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ระบุว่า ขอใช้สถานที่โบราณสถานวัดวรเชษฐ์(ต.บ้านป้อม) เพื่อการเจริญพระพุทธมนต์และบำเพ็ญกรรมฐาน ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนกว่าจะหายจากพระอาการประชวร ลงชื่อในนามพระวิทชนันท์ คณะผู้ปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ และเมื่อวานที่ผ่านมามีประชาชนโทรศัพท์มาแจ้งว่า มีกลุ่มบุคคลนำเต็นท์มากางภายในโบราณสถานวัดวรเชษฐ์ และอ้างว่าใช้สำหรับพิธีเจริญพระพุทธมนต์เท่านั้น