ปตท.อั้นไม่อยู่ ขึ้นอีก 40สต. ราคาตลาดโลกพุ่ง จี้รัฐวางแผนรับมือ

ปตท.อั้นไม่อยู่ ขึ้นอีก 40สต. ราคาตลาดโลกพุ่ง จี้รัฐวางแผนรับมือ

ชาวบ้านทุกข์ระทม ราคาน้ำมันพุ่งกระฉูด ปตท. ประกาศขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดอีก 40 สตางค์ ขณะที่ราคาตลาดโลกฉุดไม่อยู่ แตะเพดานทำสถิติสูงสุด 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปชป ออกโรงแนะ 5 มามาตรการเร่งด่วนรับมือน้ำมันที่แพงขึ้นสูงลิ่วเป็นประวัตรการณ์ อัดรัฐบาลอย่าโกหกหลอกลวงปชช.ว่าน้ำมันไม่ถึงขั้นวิกฤต โสภณ จวกยับ รัฐฯอย่าเล่นละครรายวัน อัดซ้ำแก้ปัญหาไม่ตรงจุด แจงเหตุแปรรูปปตท.แสวหาผลประโยชน์ ผลกำไรปีละนับแสนล้าน ส่วนปั๊มหลอดขนาดเล็กตามต่างจังหวัด ทนแบกรับภาระไม่ไหวเช่นกัน จ่อคิวปิดกิจการอีกว่า 500 ราย เกรงเกิดภาวะน้ำมันขาดแคลน แห่เติมน้ำมันกักตุนไว้ แต่มีพ่อค้าหัวใสสุดแสบกักตุนนำมันเก็งกำไร

ปัญหาน้ำมันราคาที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด เริ่มส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและผู้ใช้รถอย่างหนักจนได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้าจนเกรงกันว่าจะเกิดสภาวะขาดแคลนน้ำมัน ทำให้ชาวบ้านแห่กันนำรถไปเติมน้ำมันดีเซลกักตุนไว้จนเกลี้ยงปั๊ม ขณะที่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจเรียก ประชุมขุนพลระดับมันสมองแก้วิกฤติน้ำมันแพง เพื่ออุ้มช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่ยังยืนยันไม่คิดที่จะแทรกแซงราคาน้ำมันปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รอง กก.ผจก.กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ วันที่ 23 เม.ย. เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป บริษัทจะปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศทุกชนิดอีกลิตรละ 40 สตางค์ จะทำให้ราคาน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรับเพิ่มขึ้นคือ น้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 28.34 บาท, น้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส ลิตรละ 26.84 บาท, น้ำมันเบนซิน อัลฟา เอ็กซ์ 91 ลิตรละ 27.54 บาท, น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ลิตรละ 26.69 บาท และน้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ ลิตรละ 26.19 บาท

ทั้งนี้นับตั้งแต่ ปตท. ได้ปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวทำสถิติสูงขึ้นต่อเนื่องกว่าบาร์เรลละ 85 เหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นบาร์เรลละ 10 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างชาติตะวันตกกับอิหร่านเรื่องอาวุธนิวเคลียร์และความวุ่นวายในประเทศไนจีเรีย เป็นต้น ส่งผลให้ค่าการตลาดเฉลี่ยของ ปตท. ติดลบประมาณลิตรละ 70 สตางค์ โดยค่าการตลาดที่เหมาะสมและเป็นธรรมควรอยู่ที่ลิตรละ 1.20 บาท ทำให้ ปตท. ต้องแบกรับภาระต้นทุนถึงลิตรละ 1.90 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าที่แบกรับภาระแทนประชาชนไปแล้วถึง 600 ล้านบาท ตั้งแต่ในช่วงวันที่ 9-22 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องปรับราคาสูงขึ้น

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่า ปตท. จะปรับขึ้นราคาในครั้งนี้แล้วแต่ค่าการตลาดโดยรวมก็ยังขาดทุน หากนับรวมตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ถึงปัจจุบัน ปตท. ต้องแบกรับภาระจากการที่ไม่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันให้สะท้อนตามต้นทุนที่แท้จริงรวมเป็นเงินทั้งสิ้นถึง 1,200 ล้านบาท แต่ปตท. ขอยืนยันว่าได้ทำหน้าที่ในฐานะบริษัทน้ำมันแห่งชาติอย่างเต็มที่และสมบูรณ์แบบ จะเห็นได้จากปี 48 ที่ผ่านมา ปตท. แบกรับภาระราคาน้ำมันแทนประชาชนไปถึง 4,000 ล้านบาทแล้ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ว่า พรรคไม่พอใจต่อท่าทีของรัฐบาลในการรับมือปัญหานี้ เพราะวิกฤติราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ จึงเสนอมาตรการแก้ปัญหาเร่งด่วน 5 ข้อคือ 1.มาตรการประหยัดพลังงานแบบเข้มงวดที่เป็นรูปธรรม 2. มาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง 3.มาตรการส่งเสริมพลัง งานทดแทน 4.มาตรการการเงินการคลังอย่างเป็นรูปธรรม และ 5. มาตรการทางภาษีเพื่อบรรเทาปัญหาด้านการขายปลีก นอกจากนี้สิ่งที่รัฐบาล ต้องพิจารณา คือ 1.การสำรองน้ำมันเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุน 2.กำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นล่วงหน้า 3.มีแผนโลจิสติกส์การนำเข้าน้ำมัน เพื่อป้องกันการขาดแคลน และ 4.มาตรการบรรเทาผลกระทบขั้นรุนแรงจากสถานการณ์น้ำมันแพง

ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายโสภณ สุภาพงษ์ อดีตผู้บริหาร บริษัท บางจาก จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง มาตรการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันของรัฐบาลว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ซ้ำซากตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันก็คือประชาชนต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันมีบริษัทต่างชาติร่ำรวยกำไรจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างมหา ศาลมากกว่าต้นทุนจริง แต่ประเด็นที่ไม่มีการแก้ไขคือการฉกฉวยผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะบริษัท ปตท. ไปแสวงหากำไรกันจากการขายหุ้นจาก 2 แสนล้านบาทมาเป็น 3 แสนล้านบาท และผู้ที่ได้กำไรก็คือ นักการเมือง ผู้ถือหุ้นจากสิงคโปร์ นอกจากนี้ยังแสวงหากำไรจากประชาชนด้วยการตั้งราคาน้ำมัน เพราะเมื่อเอา ปตท. เข้าตลาดหุ้นทั้ง ปตท. และโรงกลั่นน้ำมัน 6 โรง เดิมในปี 45 ได้กำไร 22,000 ล้านบาท แต่ปี 48 มีกำไรถึง 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นการหาผลประโยชน์จากราคาน้ำมัน

นายโสภณกล่าวต่อว่า กรรมการนโยบายพลังงานได้เข้าไปเป็นกรรมการบริษัทน้ำมันหลายแห่งและเป็นผู้กำหนดราคาน้ำมันด้วยตนเอง ทำให้ได้ผลประโยชน์จากการเป็นกรรมการบริษัทน้ำมัน ถือว่าเป็นลักษณะของผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งบริษัทเหล่านี้ได้กำไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นปีละ 1 แสนล้านบาท โดยประชาชนจ่ายค่าน้ำมันปีละ 8-9 แสนล้านบาท ทั้งที่ ต้นทุนจริงเพียง 7 แสนล้านบาท ส่วนที่เกินก็ เข้ากระเป๋าของกรรมการการนโยบายฯ ซึ่งต้อง เร่งแก้ไข เพราะเป็นผลพวงจากการเมืองที่ไม่มีจริยธรรม และ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ที่มีนายกฯเป็นประธานกรรมการฯด้วย หากไม่แก้ไขโครงสร้างตรงนี้แต่กลับมาหามาตรการแก้ปัญหาถือเป็นการเล่นละครรายวันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง

"การที่เจ้าหน้าที่รัฐไปถือหุ้นในบริษัทน้ำมันถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนจะต้องมีการลงโทษให้ติดคุกติดตะราง การเล่นละครของเจ้าหน้าที่ที่พยายามออกมาหามาตรการช่วยเหลือกลุ่มคนที่เดือดร้อนจากราคาน้ำมันก็ไม่ได้แก้ปัญหา แต่เป็นเพียงการแก้ตัวไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะให้ผู้ที่ได้ประโยชน์ด้านพลังงานมาแก้ไข" นายโสภณ กล่าว

ขณะที่หลายจังหวัดได้รับผลกระทบจากพิษราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น เช่นที่ จ.เชียงใหม่ ผู้ประกอบการค้าน้ำมันขนาดเล็ก (ปั๊มหลอด) กว่า 382 แห่ง แบกภาระกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ไหวเตรียมปิดกิจการ หากราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ประชาชนหันมาใช้ไบโอดีเซลแทน เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า ส่วนธุรกิจรถเช่าต่างโอดครวญไปตาม ๆ กัน เนื่องจากต้องแบกภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับลูกค้าลดลงตามไปด้วย

ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์ มีรายงานว่า เจ้าของธุรกิจน้ำมันขนาดเล็กกว่า 200 ราย พากันปิดตัวลงเช่นกัน ทำให้เริ่มเกิดปัญหาน้ำมันขาดแคลน แต่มีพ่อค้าหัวใสบางรายเก็บกักตุนน้ำมันไว้ขาย และมีบางรายนำน้ำมันปลอมปนนำออกมาขายให้กับลูกค้า ทาง นายกวี กิตติสถาพร ผู้ว่าราชการจังหวัด จึงได้กำชับให้สำนักงานพลังงานจังหวัดออกตรวจสอบคุณภาพน้ำมันตามปั๊มต่าง ๆ และหากพบว่ามีปั๊มใดนำน้ำมันปลอมปนออกมาจำหน่ายให้จับกุมดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที ที่ จ.ชัยภูมิ เจ้าของธุรกิจปั๊มน้ำมันแบกภาระราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไม่ไหวต้องปิดกิจการไปโดยปริยาย ขณะที่ประชาชนเกรงว่าน้ำมันจะขาดตลาดพากันนำรถไปเข้าคิวรอเติมน้ำมันตามปั๊มน้ำมันที่ยังเปิดให้บริการกันอย่างแน่นขนัด

ขณะที่ จ.หนองคาย ประชาชนประสบปัญหาสภาวะน้ำมันแพงจึงหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำมันด้วยการใช้รถส่วนตัวน้อยลง แต่ยังคงมีชาวลาวข้ามฝั่งเข้ามาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีราคาถูกกว่าในประเทศ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรือเร็วออกลาดตระเวนตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณปากน้ำทะเลอ่าวบ้านดอนและใกล้เคียง รอยติดต่อ ระหว่าง อ.เมือง กับ อ.กาญจนดิษฐ์ เพื่อป้องกันขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนลักลอบนำเข้ามาขาย ส่วนที่ จ.มหาสารคาม ชาวบ้านเริ่มประสบปัญหา ขาดแคลนน้ำมันดีเซล เนื่องจากปั๊มน้ำมันขนาดเล็กต่างทยอยกันปิดกิจการเนื่องจากแบกรับภาระที่ราคาน้ำมันขึ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ไหว.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์