´บิล เกตส์´ เยือนเวียดนามราวพระราชา
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 เมษายน 2549 16:28 น.
ผู้จัดการรายวัน- นายวิเลี่ยม เกตส์ (William Gates) บุรุษที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ มีกำหนดเดินทางถึงกรุงฮานอย ในตอนเย็นวันศุกร์ (21 เม.ย.) นี้ สำหรับการเยือนเป็นเวลา 2 วัน ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีเวียดนามนายฟานวันข่าย (Phan Van Khai) ซึ่งในระหว่างนี้นายเกตส์ จะได้พบหารือทั้งนายข่ายและประธานาธิบดีเวียดนามนายเจิ่นดึ๊กเลือง (Tran Duc Luong) ถึงแม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกำลังมีการกิจยุ่งเหยิง เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 10 ของพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ก็ตาม
เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศสังคมนิยมจะให้ความสำคัญกับการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นการประชุมที่จัดขึ้น 5 ปีต่อครั้ง และจะใช้เวลาในการประชุมติดต่อกันนานนับสัปดาห์ ซึ่งในช่วงนี้ผู้นำจะไม่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง
ประธานาธิบดีเวียดนามอยู่ในอันดับ 2 คณะกรรมการกรมการเมือง (Political Bureau) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารสูงสุดของพรรค ขณะที่นายกรัฐมนตรีฟานวันข่ายก็มีอาวุโสเป็นอันดับ 4 ในกรมการเมืองที่มีสมาชิก 14 คน
"เจ้าพ่อไมโครซอฟท์" จะได้พบหารือกับสองผู้นำแห่งเวียดนามในเช้าวันเสาร์ (22 เม.ย.) และในวันเดียวกันนั้นก็จะเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคอมพิวเตอร์ราคาถูก เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นกลางของเวียดนามเพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายๆ ด้วยระบบผ่อนส่ง ไม่เสียดอกเบี้ย ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
โครงการคอมพิวเตอร์ "วันคลิ๊ก" (One Click) ที่ไมโครซอฟท์จัดขึ้นในเวียดนามนี้ ดำเนินการโดยผ่านบริษัท CMS ซึ่งเป็นผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยที่ได้รับอนุญาตจากไมโครซอฟท์ให้เป็นผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายไมโครซอฟท์วินโดว์ภาษาเวียดนาม ควบคู่กับการเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตระบบบรอดแบนด์ราคาถูกผ่านทางบริษัท Vietnam DataCommunications Company (VDC) ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลด้วย
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เปิดการประชุมใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศในวันอังคาร (18 เม.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อสรุปผลงานในช่วง 5 ปีที่แล้วและรับรองแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในระยะ 5 ปีและ มองไปยังอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งระหว่างนี้ไปจนถึงวันที่ 25 เม.ย. ผู้แทนจำนวน 1,176 คน จะได้ถกเถียงในปัญหาสำคัญต่างๆ ของชาติ รวมทั้งเลือกตั้งคณะผู้นำชุดใหม่ของพรรคด้วย
ในการปราศรัยเปิดประชุมในวันอังคาร เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นายนงดึ๊กแหม่ง ได้กล่าวถึงความสำคัญในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของประเทศ ซึ่งรวมถึงอนาคตการพัฒนาอุตสาหกรรมไอทีของชาติด้วย
"ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เราจะต้องพยายามทำให้เวียดนามทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ภายในปี 2553" และ "จะต้องเร่งระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแขนงไอที เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีใหม่ๆ" ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ระบุในตอนหนึ่งของรายงานการเมืองและเศรษฐกิจที่นำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่พรรค ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวซีพีวีของพรรคคอมมิวนิสต์
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) นายเกตส์มีกำหนดจะพบกับนักศึกษาเกือบ 900 คนที่มหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮานอย ซึ่งจะได้แช้ตออนไลน์กับตัวแทนของนักศึกษาที่สถาบันแห่งนี้ และหลังจากนั้นก็จะได้เข้าร่วมการประชุมกับผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนในเวียดนามเกือบ 200 ราย ก่อนจะออกเดินทางไปเยือนหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งใน จ.บั๊กนิง (Bac Ninh) ทางตะวันออกของกรุงฮานอย เพื่อเยี่ยมชมโครงการใช้ไอทีในชีวิตประจำวันของประชาชนในระดับพื้นฐาน
บิล เกตส์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 50 ปี กลายเป็นบุคคลที่ 2 ทำให้วงการอุตสาหกรรมไอทีในระดับภูมิภาคตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลายบริษัทต่างมองไปยังเวียดนามที่ซึ่งมีตลาดแรงงานราคาถูกและประชาชนมีอัตราการอ่านออกเขียนได้สูงมาก นอกจากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศนี้เป็นคนวัยหนุ่มสาว ถึงแม้ว่าในปัจจุบันรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรในประเทศนี้จะยังอยู่แค่ 640 ดอลลาร์ก็ตาม
ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.พ. นายเครก บาร์เร็ต (Craig Barret) ประธานบริษัทอินเทล ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้เดินทางเข้าเวียดนามและประกาศการลงทุนมูลค่ากว่า 600 ล้านดอลลาร์ตลอด 5 ปีข้างหน้านี้ เพื่อใช้เวียดนามเป็นฐานผลิตไมโครชิปป้อนตลาดในภูมิภาค โรงงานแห่งแรกที่นครโฮจิมินห์จะเปิดดำเนินการในปลายปีนี้
อย่างไรก็ตามนายมายรอน บริลเลียนท์ (Myron Brilliant) รองประธานสภาหอการค้าอเมริกัน ฝ่ายกิจการเอเชียซึ่งไปเยือนเวียดนามในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ได้กล่าวเตือนเรื่องนี้ นายบริลเลียนท์บอกว่า ความเป็นไปในเวียดนามไม่สามารถจะยึดถือได้ตามคำประกาศเพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น เพราะในปัจจุบันการแข่งขันในภูมิภาคและในโลกกำลังดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อนเช่นเดียวกัน
นายบริลเลียนท์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไอทีในเวียดนามยังคงล้าหลังประเทศอื่นๆ อยู่มากไม่ว่าจะเป็นอินเดีย จีนหรือไต้หวัน เนื่องจากบุคคลากรด้านนี้ในเวียดนามยังขาดความรู้และทักษะในระดับสูงและการศึกษาในระดับสูง และเวียดนามก็กำลังถูกท้าทายจากฟิลิปปินส์ กับบังกลาเทศ เกี่ยวกับแรงงานราคาถูกทางด้านไอที ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
อย่างไรก็ตามนักลงทุนไม่ได้เห็นด้วยกับนายบริลเลียนท์ทั้งหมด ทุกคนมองไปที่ประชากรชาวเวียดนามกว่า 80 ล้านคน ในนั้น 1 ใน 4 มีอายุระหว่าง 16-25 ปี และเศรษฐกิจของเวียดนามก็ขยายตัวสูงถึง 8.4% ในปี 2548 และรัฐบาลตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้เอาไว้ที่ 7.5-8%
ทั้งในกรุงฮานอยและในนครโฮจิมินห์มีการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายในธุรกิจต่างๆ มีอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ สำหรับบริการคนทั่วไป ส่วนในนครโฮจิมินห์มีสวนอุตสาหกรรมไอที รองรับการลงทุนด้านนี้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการลงทุนของชาวเวียดนามโพ้นทะเลราว 3 ล้านคน
ปัจจุบันมีบริษัทพัฒนาด้านซอฟท์แวร์ในเวียดนามราว 600 แห่ง จ้างพนักงานรวมกันถึง 15,000 คน ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงฮานอยกับนครโฮจิมินห์ เทียบกับปี 2542 ที่มีจำนวนเพียง 170 แห่ง และจ้างแรงงานเพียง 5,000 คน เท่านั้น แ ละ ตามสถิติของทางการนั้นในปี 2548 มูลค่าการให้บริการที่เกี่ยวกับไอทีในประเทศสูงถึง 170 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะขยายตัวถึง 40% ในปีนี้ ขณะที่การส่งออกไอทีเมื่อปีที่แล้วมีมูลค่า 45 ล้านดอลลาร์
"เวียดนามมีศักยภาพด้านพัฒนาไอทีอย่างใหญ่หลวง.. กุญแจก็คือ จะปลุกศักยภาพนี้ขึ้นมาได้อย่างไรและทำให้มันเป็นจริงออกมาด้วยวิธีการที่ดีที่สุด" สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำกล่าวของนายคริสโตเฟอร์ เดสริแอ็ค (Christopher Desriac) ผู้จัดการของบริษัทไมโครซอฟท์ในเวียดนาม
บริษัท FPT ซึ่งเป็นบริษัทไอทีที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามได้ประกาศในเดือน เม.ย. นี้ เกี่ยวกับแผนการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อผลิตบุคคลากรด้านไอทีในเวียดนาม รวมทั้งการพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับเจ้าหน้าที่และบุคคลากรด้านนี้ด้วย และในสัปดาห์นี้บริษัทซิสโกซีสเต็ม (Cisco Systems) ก็ได้ประกาศแผนความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงฮานอย เพื่อเปิดเครือข่ายห้องปฏิบัติการไอทีร่วมกัน
นอกจากบริษัทอินเทลกับไมโครซอฟท์แล้ว ในปัจจุบันบริษัทไอทีขนาดใหญ่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไอบีเอ็ม คอมแพ็กหรือฮิวเล็ต-แพ็คคาร์ด ต่างก็เข้าไปเปิดสำนักงานในเวียดนามแล้ว.