สั่งปิดถนน ศพ พ่อปัญญา เคลื่อนสู่วัด

ภายหลังการสูญสิ้นพระอริยสงฆ์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อายุ 96 ปี

พระนักปฏิบัติที่เผยแผ่แก่นแท้ของธรรมะผู้ยิ่งใหญ่และเสาหลักของพุทธศาสนา สร้างความเศร้าสลดใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ขณะเดียวกันประชาชนต่างแห่ไปกราบเคารพศพอย่างเนืองแน่นที่อาคาร 80 ปี ปัญญานันทะ รพ.ชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมกันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศ 8 เหลี่ยมกับเครื่องประกอบพิธีศพและพระราชทานน้ำหลวงสรงศพในเย็นวันที่ 12 ต.ค.นี้ โดยจะเคลื่อนสรีระสังขารของหลวงพ่อไปตั้งบำเพ็ญที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด ในเช้าวันเดียวกัน

ที่ รพ.ชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันที่ 11 ต.ค. มีข้าราชการ ประชาชน ทยอยเดินทางมากราบไหว้และลงนามไว้อาลัย พระพรหมมังคลาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง

โดยทางโรงพยาบาลได้จัดสถานที่ไว้บริเวณห้องโถงด้านล่างของอาคาร 80 ปี ปัญญานันทะ และนำภาพหลวงพ่อมาประดับเพื่อให้ผู้ที่มาลงนามได้กราบไหว้ ส่วนช่วงบ่ายทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ประชาชนขึ้นไปกราบไหว้ศพได้ครั้งละ 5 คน สำหรับบุคคลสำคัญที่มากราบไหว้ครั้งนี้มีหลายราย อาทิ นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์ ผวจ.นนทบุรี นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน และช่วงเย็นวันเดียวกัน พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้มากราบศพด้วย ขณะที่ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ได้จัดส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธร (นปพ.) จังหวัดนนทบุรี 10 นายมาคอยดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวก รักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ


ส่วนที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์

พระเทพปริยัติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์และเจ้าคณะภาค 7 และพระครูวินัยธรวิธาร ผอ.โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ได้ระดมพระลูกวัดช่วยกันตกแต่งศาลาขจรประศาสน์ สถานที่ที่จะนำสรีระสังขารของลวงพ่อปัญญาฯมาตั้งบำเพ็ญกุศล 

ทางด้านพระเทพปริยัติเมธีกล่าวว่า วันเดียวกันนี้ได้รับหนังสือด่วนที่สุดจาก ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า
ได้มีการประสานกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ลงวันที่ 11 ต.ค.50 ระบุว่า ตามที่ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ศพพระพรหมมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ (หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ) กองพระราชพิธีพิจารณาเห็นแล้วว่า พระพรหมมังคลาจารย์ เป็นพระราชาคณะ เจ้าคณะชั้นรองปฏิบัติศาสนากิจเป็นประโยชน์แก่การพระศาสนา เกินกว่าฐานานุรูป จึงเห็นควรจัดพระราชทานพระบรม ราชานุเคราะห์โดยตลอดดังนี้

1.
พระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 7 วัน 2. บำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน พระราชทาน สวดพระพุทธมนต์ เทศน์ ฉันภัตตาหารเหล่าพระพุทธ 3.บำเพ็ญพระราชกุศล 50 วัน พระราชทาน สวดพระพุทธมนต์ เทศน์ ฉันภัตตาหาร บังสุกุลและพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 4. บำเพ็ญพระราชกุศล 100 วัน พระราชทาน สวดพระพุทธมนต์ เทศน์ ฉันภัตตาหาร บังสุกุลและพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 5. บำเพ็ญพระราชกุศล ออกเมรุพระราชทาน สวดพระพุทธมนต์ เทศน์ ฉันภัตตาหาร บังสุกุลและพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 

6.จัดสิ่งของและจ่ายเงินดังรายการต่อไปนี้ หีบศพพร้อมเครื่องพิธีกรรม ดอกไม้ประดับหน้าศพ ดอกไม้จันทน์ สำหรับแขก ที่มาร่วมงานพระราชทานเพลิงผ้าไตร ผ้าไตรพร้อมจตุปัจจัยถวายพระสงฆ์บังสุกุลก่อนเคลื่อนศพ พระนำศพ พระบังสุกุลก่อนพระราชทานเพลิงศพ พระสามหาบและจตุปัจจัยถวาย พระบวชหน้าไฟ ภัตตาหาร บรรจุปิ่นโตถวายพระสามหาบ ร่มสำหรับใส่อังคาร น้ำเลี้ยงสำหรับพระสงฆ์และแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด

พระเทพปริยัติเมธีกล่าวว่า สำหรับเงินบริจาคของประชาชนจะมีการตั้งคณะกรรมการดูแล เพื่อเปิดบัญชีขึ้นเป็นกองทุนสวดอุทิศถวายพระพรหมมังคลาจารย์

ส่วนพวงหรีดที่ประชาชนจะนำมาร่วม หากเป็นไปได้ขอเป็นปัจจัยก็จะดี เพราะว่าหลวงพ่อกำลังสร้างโบสถ์ และมีค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ผู้สื่อข่าวถามถึงการสร้างโบสถ์ กลางน้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตามปณิธานของหลวงพ่อจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พระเทพปริยัติเมธีกล่าวว่า อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยดูแลอยู่แล้ว เพราะความจริงแล้วหลวงพ่อไม่ใช่เป็นเจ้าของเรื่องโบสถ์ แต่ท่านมีเมตตา รับเป็นประธานในการหาทุน ส่วนจะครบหรือไม่ยังไม่ได้ดูตัวเลขบัญชี เมื่อเสร็จงานของหลวงพ่อ หากมีปัจจัยเหลือจะพิจารณาว่าอันไหนขาดก็จะเสริมไป แต่วัดจะไม่ไปดูแลการสร้างโบสถ์ เพราะจะเป็นการก้าวก่ายงานของมหาวิทยาลัย วัดมีหน้าที่ช่วยสนับสนุนเท่านั้น

“สำหรับผลงานแสดงธรรมเทศนาของหลวงพ่อมีมาก เพราะ 1 วัน ท่านเทศน์ตั้ง 4 ครั้ง ที่วัดก็มีเก็บไว้ ส่วนหนึ่ง ที่ข้างนอกก็มีมาก แต่ไม่ได้อัดเทปมา ประวัติของหลวงพ่อมีเผยแพร่ทั้งซีดีและทางอินเตอร์เน็ต ส่วนหนังสือปัญญานันทะ 96 ปี ที่พิมพ์ไป 5,000 เล่ม ขณะนี้ หมดแล้ว เพราะพิมพ์แจก ไม่ได้ขาย และทางวัดยังไม่คิดที่จะพิมพ์เพิ่ม เพราะต้นทุนสูง แต่เมื่อถึงงานออกเมรุอาจจะมีการพิมพ์เพิ่ม" 


ด้าน พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบก.ภ.จ.นนทบุรี กล่าวว่า

ในวันที่ 12 ต.ค. วันเคลื่อนย้ายศพจะปิดการจราจรบนถนนติวานนท์ ตั้งแต่หน้า รพ.ชลประทานถึงด้านหน้าวัดชลประทานฯ ในเวลา 08.00-08.30 น. พร้อมจัดที่จอดรถสำหรับประชาชนที่จะมาร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ 3 แห่ง คือสนามหญ้าโรงเรียนชลประทานวิทยา โรงเรียนชลประทานสงเคราะห์ และกรม ชลประทาน สามารถรองรับได้ประมาณ 2,000 คัน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมจาก 4 โรงพัก 500 นาย เพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันเหตุจากพวกมิจฉาชีพที่จะฉวยโอกาสมาหากินในงาน

ขณะที่พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี กล่าวที่วัดสวนแก้ว ว่า

ในบรรดาพระที่เผยแพร่ธรรมะต้องรู้สึกว่าหลวงพ่อปัญญาฯ เป็นเสมือนแม่ทัพธรรม การสูญเสียหรือมรณภาพของหลวงพ่อปัญญา เหมือนขาดหัวหอกที่คอยฟาดฟันกิเลส เพราะธรรมะของท่านเป็นคำสอนที่ไม่เอาเรื่องลึกลับ เพราะเรื่องลึกลับมันดับทุกข์ไม่ได้ ท่านเน้นลึกซึ้งมากกว่า เพราะถ้าเราเข้าใจธรรมะอย่างลึกซึ้งเมื่อไหร่ ความทุกข์ก็จะลดลงได้ เราไม่ควรไปโศกเศร้าเสียใจกันมาก เพราะสังขารก็ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ถึงเวลาต้องไปเราก็ต้องไป ต้องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เอาคำสอนของท่านมาฟังแล้วเอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หมั่นสร้างความดี และตนจะสานต่อเจตนาของหลวงพ่อ โดยออกเผยแพร่ ธรรมะต่อไป

ด้านนายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะกรรมการบริหารขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กล่าวถึงการจะนำเสนอชื่อของหลวงพ่อปัญญาฯ ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกว่า

การจะเสนอชื่อนั้น ผู้ที่จะถูกนำเสนอได้จะต้องมีอายุครบ 100 ปี หรือหากเสียชีวิตไปแล้วจะต้องรอให้ครบรอบวันเกิดของบุคคลคนนั้นให้ครบ 100 ปี และต้องทำเรื่องเสนอต่อยูเนสโกล่วงหน้า 2 ปี ก่อนที่ผู้ที่จะถูกเสนอชื่อจะมีอายุครบ 100 ปี ดังนั้น หากจะเสนอชื่อหลวงพ่อปัญญาฯ จะต้องเสนอชื่อในปี 2552 เพราะหลวงพ่อปัญญาฯ จะมีอายุครบ 100 ปี ในปี 2554

“อย่างไรก็ตาม คงต้องศึกษาประวัติของหลวงพ่อปัญญาฯว่า หลวงพ่อปัญญาฯมีผลงานดีเด่นในด้านใดบ้าง เข้าหลักเกณฑ์ของยูเนสโกหรือไม่ เพราะหลักเกณฑ์ไม่ได้ระบุถึงคุณประโยชน์ที่ทำต่อประเทศไทยอย่างเดียว แต่ต้องมีผลต่อประชาคมโลกด้วย และคงจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องตัดสินใจ เพราะหากเสนอไปในช่วงเวลานี้ก็ไม่ได้รับการพิจารณา เพราะยังถือว่าไม่เข้าเกณฑ์”
นายวิจิตรกล่าว 

ขณะที่นายวิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า
ก่อนที่จะมีการโอน รพ.ชลประทานมาอยู่ในการกำกับดูแลของ มศว หลวงพ่อปัญญาฯ ท่านได้บอกให้ มศว ช่วยดูและพัฒนา พร้อมทั้งสนับสนุน รพ.ชลประทานและโรงเรียนชลประทานวิทยาด้วย โดย มศว กำลังจัดตั้งกองทุนหลวงพ่อปัญญาฯขึ้น เพื่อระดมทุนพัฒนา รพ.ชลประทาน ซึ่งตั้งเป้าว่าจะต้องระดมทุนให้ถึง 100 ล้านบาท นอกจากนี้ จะตั้งศูนย์ศึกษาเผยแพร่ พุทธธรรม ทั้งจะสร้างรูปปั้นเหมือนหลวงพ่อปัญญาฯ ขนาด 50 ซม.เพื่อให้ชาว มศว และคนไข้ที่มารักษาใน รพ.ชลประทานและวัดได้ระลึกถึงหลวงพ่ออยู่เสมอ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์