นพ.ธวัช กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้การรณรงค์เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอดส์จะประสบผลสำเร็จ
สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลง 10 เท่า จาก 1.4 แสนรายในปี 2530 เหลือ 1.4 หมื่นรายในปี 2550 แต่ช่วง 4-5 ปีมานี้ เริ่มมีสัญญาณแสดงว่าปัญหาโรคเอดส์อาจจะกลับมารุนแรงขึ้นได้อีก เนื่องจากพบการระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มเยาวชนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้นในกลุ่มชายรักชายใน กทม. และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุน้อย ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ พบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ในปี 2549 ส่วนใหญ่ 40% เป็นการติดเชื้อจากสามีสู่ภรรยา รองลงมาติดเชื้อจากกลุ่มชายรักชาย 22 % ติดเชื้อจากหญิงขายบริการ 11 % ติดเชื้อจากภรรยาสู่สามี 10 % และติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์นอกคู่สมรส 7 %จากสถิติที่กล่าวมา พอสรุปได้ว่า ในปี 2549 มีคู่สามีภรรยาที่ติดเชื้อเอดส์แล้ว 7,000 ราย
นพ.ธวัช กล่าวต่อว่า ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า โรคเอดส์กำลังคุกคามถึงสถาบันครอบครัวไทย
ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคม ตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ปี 2550-2554 มีเป้าหมายที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งภายในปี 2554 หรือประมาณ 7,000 ราย กระทรวงสาธารณสุขจึงมุ่งป้องกันการติดเชื้อเอดส์ในครอบครัว โดยเริ่มจากการรณรงค์ให้สามีภรรยาหรือคู่รัก ตระหนักถึงการป้องกันการติดเชื้อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการใช้ถุงยางอนามัยอย่างเหมาะสม รวมทั้งชี้ให้เห็นความเสี่ยงและความสำคัญ ในการป้องกันการรับ/แพร่เชื้อเอดส์ภายในครอบครัว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับทัศนคติและพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อเอดส์ครอบคลุมประชาชนยิ่งขึ้น