ทุกข์ซ้ำคนจนเมล์ขึ้น50สตางค์ ทัวร์3สต.ต่อกม.มีผล15ต.ค.นี้

ขนส่งทางบกไฟเขียวให้ขึ้นค่ารถเมล์-ปอ.แล้ว เผยมีผล 15 ตุลาคมนี้

ชี้รถเมล์ขึ้น 50 สต. ส่วนรถปรับอากาศขึ้น1 บ. ขณะที่รถร่วมบขส.ปรับขึ้น3 สต.ต่อกม. ระบุหากอีก 6 วันน้ำมันลดลงต่ำกว่าเพดานไม่มีสิทธิปรับ ต่อ กม. ด้าน รมว.ด้านคมนาคมติงควรปรับคุณภาพบริการด้วย ปัญหาราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อน เนื่องจากต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประชาชนยังคงเป็นผู้แบกรับภาระจากผลพวงดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางได้อนุมัติให้รถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว

เมื่อวันที่9 ตุลาคม นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง กล่าวว่า 

ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้อนุมัติให้รถร่วมบริการของ ขสมก. และรถร่วมบริการ บขส. ปรับขึ้นค่าโดยสารได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้ โดยในส่วนของรถร่วมบริการ ขสมก. ที่เป็นรถโดยสารธรรมดา ปรับขึ้น 50 สตางค์ และรถปรับอากาศ (ปอ.) ปรับขึ้นอีกระยะละ 1 บาท ส่วนรถร่วมบริการ บขส. ปรับค่าโดยสารขึ้นอีก 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาของน้ำมันดีเซล

รองปลัดกระทรวงคมนาคมกล่าวอีกว่า เกี่ยวกับการปรับราคาดังกล่าว 

หากก่อนถึงกำหนดการปรับราคาดังกล่าว ปรากฏว่าราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมาต่ำกว่าเพดาน 3 บาทต่อลิตร จากอัตราที่เคยอนุมัติขึ้นค่าโดยสารในครั้งที่ผ่านมา หรือมีการปรับขึ้นค่าโดยสารเมื่อราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มจาก 23.48 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ 26.84 บาทต่อลิตร มติการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ก็จะไม่มีผลบังคับใช้แต่อย่างใด


ส่วนรายละเอียดในการปรับค่าโดยสารใหม่นั้นนายสุรชัย กล่าวว่า

รถหมวด 1 และ 4 หรือรถวิ่งให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เป็นรถร่วมบริการ ขสมก. ได้แก่ รถขาว-น้ำเงิน จะปรับค่าโดยสารขึ้นเป็น 8.50 บาท จากเดิม 8 บาท รถร่วมบริการครีม-แดง เพิ่มเป็น 7.50 บาท จากเดิม 7 บาท รถมินิบัสเพิ่มเป็น 7 บาท จากเดิม 6.50 บาท และรถสองแถวเพิ่มเป็น 6.50 บาท จาก 6 บาท ส่วนรถโดยสารของ ขสมก. จะมีการปรับขึ้นตามมติดังกล่าวหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของ ขสมก.

ด้านนายศิลปชัยจารุเกษมรัตนะ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า
 

การอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารของรถโดยสารธรรมดาอีก 50 สตางค์นั้นในส่วนเงินทอนเหรียญ 50 สตางค์จะต้องเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการจัดหาให้เพียงพอต่อการใช้งาน และหากเมื่อมีผู้โดยสารใช้บริการรถร่วมแล้ว รถคันดังกล่าวไม่ยอมทอนเงินค่าโดยสารเป็นเหรียญ 50 สตางค์จะถือว่ามีความผิด ประชาชนสามารถร้องเรียนพฤติกรรมดังกล่าวได้ที่ โทร.1584

อย่างไรก็ตามส่วนประเด็นที่ร้องเรียนว่า ปัจจุบันมีรถร่วมบริการทยอยเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีแล้ว จึงไม่ควรให้ปรับค่าโดยสารนั้น
 

กรมการขนส่งทางบกยอมรับว่า ปัจจุบันรถโดยสารที่ใช้เอ็นจีวียังมีน้อย ประมาณร้อยละ 3 ของรถโดยสารที่มีในระบบทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน และปัญหาสำคัญของการเร่งรัดติดตั้งรถใช้ก๊าซเอ็นจีวีของเอกชน ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องที่ปั๊มให้บริการก๊าซเอ็นจีวียังมีอยู่น้อย โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ส่งผลให้รถที่วิ่งระหว่างจังหวัดหรือสายยาว จำเป็นต้องใช้นำมันดีเซลอยู่

พล.ร.อ.ธีระห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า 

แม้จะมีการอนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นค่าโดยสารได้ แต่ในส่วนของกระทรวงคมนาคมก็เห็นใจประชาชนที่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพสูงขึ้นมากในขณะนี้ จึงอยากจะให้มีการชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารออกไปอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อติดตามภาวะราคาน้ำมันว่าจะปรับขึ้นหรือลงในทิศทางใด ซึ่งการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะขอให้มีการพิจารณาเรื่องการปรับปรุงคุณภาพในการให้บริการด้วย "กระทรวงคมนาคมจะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอให้เอกชนแต่ละรายทำแผนกลับมาเสนอว่า จะมีการปรับปรุงบริการให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร" รมว.คมนาคม กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์