ส.ต.ต."จำเลยคดีฟันแขนสาว โอเกะ คดีฉาวที่จ.สระบุรี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ออกโรงแฉคู่กรณีทำเรื่องเบิกเงินประกันภัย ระบุในคำร้องว่าที่แขนขาดเพราะประสบอุบัติเหตุ
โดยยื่นเเรื่องและรับเงินไปเรียบร้อยหลังออกจากโรงพยาบาล พ้อทุกวันนี้ต้องออกจากตำรวจและยังหางานไม่ได้ ส่วนเพื่อนอีก 2 คนที่ตกเป็นจำเลยด้วยกันก็มีสภาพไม่แตกต่าง ด้านผจก.วิริยะประกันภัยฯ ยืนยันมีการมาเบิกเงินค่าสินไหมจริง โดยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาทำเรื่องแทนและรับเงินไปเรียบร้อยจำนวน 15,000 บาท ขณะที่สาวโอเกะโวยลั่นไม่รู้เรื่อง ยันถูกทำร้ายจนแขนขาดแต่สงสัยมีคนสวมรอยไปเบิกเงิน อ้างช่วงรักษาตัวในร.พ.มีคนมาขอหลักฐานบัตรประชาชน-ทะเบียนบ้าน และพ.ร.บ.ประกันภัยรถไป จนต่อมาทราบว่ามีการทำเรื่องขอเบิกเงินชดเชยทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องด้วย แฉกลับมีตร.บางกลุ่มพยายามเบี่ยงคดีให้เป็นอุบัติเหตุ จนเมื่อพบหลักฐานชิ้นนี้ก็รีบนำออกมากล่าวหาว่าที่แขนขาดเพราะอุบัติเหตุรถชน วอนขอความเป็นธรรมพร้อมสาบานไม่ได้ไปเบิกเงิน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัทประกันฯอยู่ที่ไหน
จากคดีน.ส.สุพรรษา วิชานันท์ อายุ 24 ปี สาวคาราโอเกะ เข้าร้องทุกข์กล่าวหาว่า
ถูกส.ต.ต.นิรุต ธรรมทรัพย์ ผบ.หมู่ สภ.อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี, นายนิรันดร์ กองธรรม อายุ 23 ปี และนายประสาน บุญดก อายุ 25 ปี ใช้อาวุธมีดฟันแขนขาดเพราะไม่พอใจที่ไม่ยอมไปเที่ยวต่อด้วยกัน เหตุเกิดบนถนนสายอ่างทอง-หน้าพระลาน อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ขณะที่น.ส.สุพรรษาขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาออกมาปฏิเสธโดยระบุว่าเป็นอุบัติเหตุที่น.ส.สุพรรษาโดนรถสิบล้อเฉี่ยวจนชนแขนขาดเอง อย่างไรก็ตามมีการสอบสวนเรื่องนี้ก่อนแจ้งดำเนินคดีกับส.ต.ต.นิรุต และพวก พร้อมทั้งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ความคืบหน้ามื่อวันที่ 3 ต.ค. ส.ต.ต.นิรุต เปิดเผยว่าขณะนี้ทราบว่ามีหลักฐานที่น.ส.สุพรรษา ทำเรื่องขอเบิกเงินค่าสินไหมอุบัติเหตุจากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด สาขาสระบุรี
ซึ่งไปตรวจดูแล้วพบว่ามีการระบุสาเหตุว่าเกิดจากอุบัติเหตุรถชน ซึ่งดีใจที่รู้ความจริงว่าใครเป็นคนกล่าวเท็จ สำหรับการดำเนินชีวิตตอนนี้ยังว่างงานอยู่ อาศัยอยู่กับพี่ชาย เพื่อนอีกสองคนที่ตกเป็นจำเลยก็ว่างงานเหมือนกัน ในส่วนคดีความศาลนัดอีกในวันที่ 6 พ.ค.นี้
วุ่นอีก-แฉนัว ฟันแขนสาวโอเกะ
ด้านนายฤกษ์ชัย สุขสำราญ ผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด สาขาสระบุรี กล่าวถึงเรื่องการเรียกค่าสินไหมอุบัติเหตุว่า
เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.สุพรรษา มอบหมายให้โรงพยาบาลพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ทำหนังสือขอรับเงินค่ารักษาพยาบาล ผู้ประสบภัยอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยทางรถ พ.ศ.2535 จำนวน 15,000 บาท ระบุว่าเข้ารักษาตัว ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ - 9 มี.ค. 2550 โดยระบุว่าต้นแขนถูกตัดขาดและไหล่ซ้ายบาดเจ็บ เกิดจากน.ส.สุพรรษา ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประสบอุบัติเหตุ ไม่มีคู่กรณี พิจารณาแล้วเห็นว่าส่วนที่แขนขาดนั้นยังอยู่ในระหว่างศาลเป็นคดีความกันอยู่ แต่ที่ส่วนอาการบาดเจ็บที่ขานั้นเกิดจากอุบัติเหตุ จึงพิจารณาจ่ายเงินค่ารักษาไป 15,000 บาทตามพ.ร.บ.ในเบื้องต้น ได้เบิกเงินไปเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา
วันเดียวกันน.ส.สุพรรษา หรือจุ๋ม สาวโอเกะแขนขาด กล่าวถึงการเบิกเงินจากประกันภัยว่า
ขณะนี้ทราบมาว่าตำรวจชุดหนึ่งพยายามทำทุกวิถีทางในการหาหลักฐานเพื่อเบี่ยงเบนคดี ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุจากการถูกรถชนไม่ใช่ถูกทำร้ายร่างกาย โดยตำรวจดังกล่าวเดินทางไปที่บริษัท วิริยะประกันภัยฯ เพื่อขอหลักฐานการเบิกจ่ายเงินพ.ร.บ.ประกันภัย ที่มีผู้ยื่นเรื่องเบิกเงินจำนวน 15,000 บาท โดยเอกสารที่ยื่นขอรับเงินเป็นสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านและหมายเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์ของตน ทั้งนี้เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงให้เป็นอุบัติเหตุ และคงคิดว่าตนเป็นผู้เบิกและผู้รับเงินดังกล่าว
"ขณะที่เข้ารักษาตัวที่ร.พ.บ้านหมอ พยาบาลสอบถามว่าเกิดจากสาเหตุใดก็แจ้งให้ทราบว่าถูกทำร้ายร่างกาย และการรักษาตัวได้ใช้สิทธิบัตรประกันตนผู้มีรายได้น้อย จึงไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ช่วงที่รักษาตัวเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลขอหลักฐานสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านและเอกสารประกันภัยรถจักรยานยนต์ โดยแจ้งว่าเพื่อสิทธิประโยชน์ของคนไข้ จึงมอบให้ตามที่ร้องขอ จนไม่นานมานี้ทราบว่ามีการไปยื่นเบิกเงินที่บริษัทประกันภัย เมื่อตำรวจทราบจึงไปขอหลักฐานและปล่อยข่าวว่าดิฉันรับเงินประกันภัยไปแล้ว มูลเหตุทั้งหมดจึงเกิดจากอุบัติเหตุ" น.ส.สุพรรษา กล่าวอีกว่านอกจากนี้กล่าวหาว่าตนเป็นเด็กเลี้ยงแกะ แจ้งความและร้องเรียนเท็จ ขอสาบานว่าตนและญาติไม่ได้เป็นผู้ไปเบิกเงิน ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าบริษัทประกันภัยดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณใด และไม่ทราบว่าเงินดังกล่าวอยู่ที่ใคร คงต้องสอบถามที่ร.พ.บ้านหมอ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
น.ส.สุพรรษา กล่าวอีกว่า เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังต่อสู้กับตำรวจ
ต้องต่อสู้ตามลำพังในการร้องหาความยุติธรรมและปกป้องสิทธิเสรีภาพ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบ 8 เดือน ชีวิตลำบากมากไม่มีอาชีพไม่มีรายได้ อยู่อย่างหวาดผวาหวาดระแวง สุขภาพจิตเสียจนบางครั้งเครียดจัดจนคิดฆ่าตัวตาย รู้สึกชีวิตไม่ปลอดภัย พ่อแม่พี่น้องได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย ทั้งนี้ ขอสาบานว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกทำร้ายร่างกายจนแขนขาดไม่ใช่ประสบอุบัติเหตุ