อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง "ก้าน แก้วสุพรรณ" โร่ขึ้นกองปราบฯ
ขอให้ช่วยตามหาลูกสาว นักศึกษาแพทย์ ปี 2 ม.รังสิต หายตัวลึกลับ ขณะแม่ไปส่งที่หอพักในมหาวิทยาลัย เมื่อ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา แม่เผยขับรถไปส่งถึงหอ ขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่หายไปนานผิดสังเกตขึ้นไปตามก็ไม่พบตัว
ด้านอดีตนักร้องดังระบุ อาจถูกอุ้ม
เพราะเคยมีเรื่องกับผู้ใหญ่บ้านย่านกระทุ่มแบน มีการฟ้องร้องถึงขั้นติดคุก ซึ่งลูกสาวคนนี้เป็นพยานปากสำคัญ หรืออาจไปกับแฟนหนุ่ม หากเป็นจริงขอให้รีบติดต่อกลับบ้านด่วน ซึ่งเคยแจ้งความที่ สภ.ต.ปากคลองรังสิตแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 ต.ค.
ที่กองปราบปราม นายมงคล หอมระรื่น อายุ 68 ปี หรือ "ก้าน แก้วสุพรรณ" อดีตนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง และนางปิยะวรรณ ราชนิยม อายุ 62 ปี ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 3 ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบร.ต.อ.สมโภชน์ เข็มเพชร พงส.สบ.1 กลุ่มงานสอบสวนบก.ป. เพื่อขอให้กองปราบปรามช่วยเหลือติดตามลูกสาว คือน.ส.โชติก หอมระรื่น อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยรังสิต หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา
นางปิยะวรรณให้การว่า
ในวันเกิดเหตุตนออกจากบ้านที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ไปส่งลูกสาวที่มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย เวลาประมาณ 07.00 น. ลูกสาวก็ขอขึ้นไปแต่งตัวบนห้องพักในหอพักนักศึกษาก่อน ส่วนตนก็รออยู่ในรถ จนเห็นว่าลูกสาวหายไปเป็นเวลานาน ก็ยังไม่เห็นลงมาจากห้องพักจึงขึ้นไปตาม แต่ปรากฏว่าห้องของลูกสาวล็อกประตู เคาะเรียกก็ไม่เปิดและไม่พบตัวลูกสาวอีกเลย จึงรีบไปหาอาจารย์ฝ่ายปกครอง เพื่อให้ช่วยตามหาก็ไม่มีใครพบเห็น และตามหาอยู่จนถึงเย็นจึงเดินทางกลับบ้าน
ด้านนายมงคลให้การว่า
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ตนและภรรยาจึงไปแจ้งความที่ สภ.ต.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี แต่จนถึงขณะนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้า ส่วนสาเหตุนั้นได้ตั้งไว้ 2 เรื่อง คือ ปัญหาเก่าที่เกิดขึ้นจากเรื่องตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งตนมีปัญหาฟ้องร้องกับผู้ใหญ่บ้านรายหนึ่งใน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยผู้ใหญ่บ้านรายนี้มาติดต่อให้ตนไปร้องเพลงจนสนิทสนมกัน ภายหลังได้มาบอกว่ามีนายทุนจะมาโปรโมต อัลบั้มเพลงให้กับลูกสาวของตน จนมีการขนอุปกรณ์ห้องอัดเสียงเข้ามาที่บ้านของตน ต่อมาประมาณเดือนต.ค.ปี 2548 ตนไปร้องเพลงที่ต่างประเทศ เมื่อกลับมาในเดือนม.ค.2549 พบว่ามีทรัพย์สินในบ้าน เช่น พระเครื่อง ที่สะสมมาเป็นเวลานานได้หายไปเกือบ 100 องค์ จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ศาลชั้นต้นได้สั่งลงโทษจำคุกผู้ใหญ่บ้านคนนั้นเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งคดีนี้ลูกสาวของตนเป็นพยานปากสำคัญทำให้มีคนติดคุก ซึ่งคนกลุ่มนั้นอาจโกรธแค้นตามมาอุ้มตัวไปก็เป็นได้
ส่วนอีกเรื่องก็คืออาจไปกับแฟนก็ได้
แต่ในเรื่องของผู้ชายนั้นที่บ้านก็ไม่เคยทราบว่าลูกสาวคบหาอยู่กับใคร แต่ถ้าหากเป็นเรื่องดังกล่าวจริงก็ขอให้ลูกสาวรีบติดต่อกลับมาที่บ้านทันที เพราะว่าทุกคนเป็นห่วงมาก เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามรับเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวเพื่อที่จะดำเนินการต่อไป