ผลพิสูจน์กล่องดำ วันทูโกอุบัติเหตุ ส่งกลับไทย27กย.

ที่ประสบเหตุลื่นไถลพุ่งชนเนินดินข้างรันเวย์ขณะร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ต สังเวยชีวิตนักบิน ลูกเรือ และผู้โดยสาร ดับสยอง 89 ศพ และบาดเจ็บ 41 คน ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.ย. นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการถอดรหัสการโต้ตอบของนักบินกับเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน และข้อมูลด้านการบิน จากกล่องดำ 2 กล่องที่ส่งไปพิสูจน์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในวันที่ 27 ก.ย.นี้ ผลการถอดรหัสจากกล่องดำจะแล้วเสร็จส่งกลับมาถึงประเทศไทย หลังจากนั้นคณะกรรมการจะนำผลการสรุปประมวลพยานแวดล้อมมาวิเคราะห์รวมกับผลการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

นายชัยสวัสดิ์เผยด้วยว่า จากการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งการโต้ตอบของนักบินกับหอบังคับการบิน พบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ

โดยเฉพาะความผันแปรของลม ได้สอบสวนการโต้ตอบของนักบินในเที่ยวก่อนหน้า พบว่า มีการแจ้งเตือนทางวิทยุให้กับหอบังคับการบินว่าบริเวณสนามบินภูเก็ตมีลมปรวนแปร และคาดว่าเป็น “วินด์เชียร์” ในส่วนนี้พบว่าทั้งนักบินลำก่อนและนักบินที่ประสบอุบัติเหตุ รวมทั้งหอบังคับการบิน ก็ทราบพร้อมๆ กันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม หอบังคับการบินจะมีหน้าที่แจ้งสภาพอากาศ ลม บริเวณสนามบินและโดยรอบ รวมถึงสภาพสิ่งกีดขวางที่รันเวย์ อย่างละเอียดว่ามีอะไรบ้าง แต่ขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินใจว่าจะนำเครื่องบินลงหรือไม่นั้นจะอยู่ที่นักบินเป็นสำคัญ

ได้เร่งประสานงานกับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในส่วนของค่าสินไหมทดแทน จากบริการคุ้มครองอุบัติเหตุการเดินทางสำหรับสมาชิกทั้ง 3 ราย ล่าสุดการตรวจสอบทุกอย่างแล้วเสร็จและทางผู้บริหารของเคทีซี และทิพยประกันภัย จะเดินทางไปมอบค่าสินไหมแก่ครอบครัวของสมาชิกบัตรเบื้องต้น 2 ราย คือ 1. ครอบครัวนายชวภณ บุญมีมีไชย สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า แพลทินัม วงเงินคุ้มครอง 20 ล้านบาท ในวันที่ 27 ก.ย. เวลา 15.00 น. ที่บ้านเลขที่ 3 ถนนเจ้าฟ้าฉลอง อ.เมืองภูเก็ต และ 2. ครอบครัวนายธีรยุทธ์ มนูรักษ์ชินากร สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า คลาสสิค วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาท ในวันที่ 27 ก.ย. เวลา 16.30 น. ที่บ้านเลขที่ 133/10 ซอย 131 ถนนปฎิพัทธิ์ ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต

ส่วนที่อาคารอเนกประสงค์ ท่าอากาศยานภูเก็ต พ.ต.อ.นิธิ บัณฑุวงศ์ ผกก.กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับ สตช. เปิดเผยว่า

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นมีชาวต่างชาติเสียชีวิต 53 ราย ขณะนี้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตไว้หมดแล้ว สามารถปล่อยศพให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลได้แล้ว 50 ราย ยังเหลือศพอีก 3 ราย เป็นชาวอิหร่าน 2 ราย และชาวสวีเดน 1 ราย สำหรับศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและส่งกลับเหยื่อที่เสียชีวิตจากเที่ยวบินมรณะนั้น คาดว่าจะสามารถปิดศูนย์ได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากศพที่เหลือทั้ง 3 รายนั้น ญาติได้นำข้อมูลมาแล้ว อยู่ระหว่างการเปรียบเทียบข้อมูลกับศพผู้เสียชีวิต รวมทั้งหลักฐานจากสถานทูต ถ้าข้อมูลตรงกันก็สามารถปล่อยศพให้ญาติได้ทันที หลังจากนั้นภารกิจของศูนย์ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ 

สำหรับผู้บาดเจ็บที่ยังคงรักษาตัวอยู่ตาม รพ.ต่างๆ ใน จ.ภูเก็ต

ประกอบด้วย รพ.กรุงเทพภูเก็ต 8 ราย เป็นชาวไทย 5 ราย ชาวต่างชาติ 3 ราย โดยก่อนหน้านี้ ได้ส่งผู้บาดเจ็บรุนแรง 5 ราย ไปรักษาตัวต่อที่ รพ.กรุงเทพ ส่วนที่ รพ.สิริโรจน์ มีผู้บาดเจ็บเหลือ 6 ราย คนไทย 4 ราย หนึ่งในนั้นคือนายอภิชิต ปาตา สจ๊วตหนุ่มที่รอดชีวิต และชาวต่างชาติ 2 ราย ส่วนที่ รพ.วชิระภูเก็ต มีผู้บาดเจ็บคนไทยเพียง 1 รายเท่านั้น