ทีวีรุมจอง ลุงเย็น เดนมาร์ก รักษาหาด

แต่เจ้าตัวตอบปฏิเสธ "ข่าวสด" บุกไปพิสูจน์ถึงบ้านพัก พบกำลังคัดแยกขยะเตรียมส่งขาย แถมยังนำเศษอาหาร เศษพืช มาหมักทำปุ๋ยชีวภาพไว้สำหรับใช้เองด้วย เปิดใจอีกรอบเก็บขยะเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษจากขยะ บรรเทาโลกร้อน ด้านกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเชิดชูเป็นตัวอย่างที่ดี ขนาดชาวต่างประเทศยังรู้สึกหวงแหนสภาพแวดล้อม

จากกรณีนายเยนส์ พอลเซน อายุ 59 ปี ชาวเดนมาร์ก

สู้ชีวิตหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการเดินเก็บขยะ ขวดเหล้า และแก้วน้ำริมชายหาดน้ำริน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นที่น่าทึ่งแก่ผู้พบเห็น และทำเช่นนี้มาเป็นเวลานาน จนเป็นที่คุ้นเคยกับชาวบ้านในละแวกนั้น พากันเรียกว่า "ลุงเย็น เดนมาร์ก" โดยนายเยนส์เล่าถึงเรื่องราวชีวิตว่า เคยทำงานเป็นช่างเทคนิคบ่อน้ำมันในประเทศนอร์เวย์ เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยเมื่อปี 2520 กระทั่งอยู่กินกับนางสำฤทธิ์ ภรรยาชาวไทย แม่ค้าที่หาดน้ำริน ส่วนสาเหตุที่เก็บขยะเพราะทนไม่ได้ที่เห็นขยะเกลื่อนหาด จึงเก็บไปขาย ได้เงินนำมาแบ่งซื้อขนมแจกเด็กๆ ในหมู่บ้านจนเป็นที่รักใคร่ อีกทั้งยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 40/1 หมู่ 2 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นบ้านพักของนายเยนส์ พอลเซน หรือลุงเย็น ที่อาศัยอยู่กับนางสำฤทธิ์ พอลเซน ภรรยาชาวไทย เป็นบ้านชั้นเดียวล้อมรั้วอย่างมิดชิด เมื่อเข้าไปในบ้านพบนายเยนส์กำลังเลือกขวดเปล่าอยู่ที่ข้างบ้าน โดยแยกขวดน้ำพลาสติกใส่ในถุงขนาดใหญ่ ส่วนขวดแก้วจะใส่ไว้ในกล่อง และจัดวางอย่างเป็นระเบียบ อีกทั้งยังมีเศษแหเศษอวนที่ถูกเก็บไว้เพื่อแยกออกขาย และยังทำปุ๋ยน้ำชีวภาพที่หมักจากเศษอาหาร และเศษพืช ไว้สำหรับใช้เองด้วย

นายเยนส์กล่าวด้วยภาษาไทยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า วันนี้ไม่ได้ออกไปเก็บขยะ เพราะเดินทางไปซื้อกับข้าวที่ตลาดพัทยา

เนื่องจากมีอาหารจากยุโรป มาเก็บไว้ปรุงอาหารให้นางอิลันนัว มารดา เนื่องจากกินอาหารไทยได้ไม่มาก อาหารที่ซื้อมาเป็นพวกขนมปัง และเนื้อ ส่วนตนชอบอาหารไทยที่รสไม่ชัด เช่น อาหารประเภททอด โดยเฉพาะมะเขือชุบไข่ทอด ไข่เจียวชะอม และแกงจืด ส่วนการเก็บขยะจะทำเป็นประจำทุกวันในเวลาเย็น เมื่อขี่รถจักรยานกลับมาถึงที่บ้านก็จะจัดเรียงแยกขวดและพลาสติกออกจากกัน ส่วนลังเบียร์จะวางซ้อนกันไว้ เพื่อนำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า เพราะสถานที่เก็บเต็มหมดแล้ว

ฝรั่งสู้ชีวิตกล่าวต่อว่า หลังจากที่หนังสือพิมพ์เสนอข่าวเรื่องราวชีวิต ปรากฏว่ามีรายการโทรทัศน์หลายช่องโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาขอสัมภาษณ์ และจะพาไปออกอากาศ

แต่ตอบปฏิเสธไป เพราะไม่อยากไปออกรายการ อีกทั้งมองว่าการเก็บขยะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ทุกคนทำได้ สิ่งที่ต้องการคืออยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาความสะอาด ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง และช่วยกันลดการใช้ขยะที่ย่อยสลายยาก จะช่วยทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น และยังนำมาทำเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพได้อีกด้วย ขอให้ทุกคนช่วยกัน เพราะหากมีขยะเพิ่มขึ้นมลพิษจากการทำลายขยะก็จะเพิ่มขึ้น และยิ่งทำให้สภาพภูมิอากาศเลวร้ายลง ดังจะเห็นว่าในปัจจุบันโลกเริ่มร้อนขึ้นทุกวัน จึงต้องร่วมมือกัน

ด้านนางสำฤทธิ์ ภรรยาคู่ชีวิตของนายเยนส์ กล่าวว่า

หลังจากเป็นข่าวมีชาวบ้านมาทักทายกันมาก ต่างชื่นชมในความตั้งใจของสามี ทำให้สามีกลายเป็นคนดังไปในชั่วข้ามคืน แกก็ภูมิใจและบอกว่าจะทำเช่นนี้ตลอดไป ในวันนี้ตอนเย็นจะไปร่วมงานศพเพื่อนบ้าน จึงไม่ได้ไปเปิดร้านขายน้ำให้แก่นักท่องเที่ยว สามีก็ไม่ได้เก็บขยะ แต่จะไปช่วยงานศพในหมู่บ้านด้วยกัน โดยจะเริ่มงานเก็บขยะในวันต่อไป

วันเดียวกัน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า

กรณีของนายเยนส์เป็นตัวอย่างที่ดี และน่ายกย่องส่งเสริมที่ช่วยดูแลสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เห็นว่าแม้ขนาดเป็นชาวต่างประเทศแต่ยังหวงแหน และช่วยดูแลทรัพยากรของประเทศไทย ขณะที่คนไทยเองก็ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมของประเทศตัวเองด้วย ทางกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมพยายามรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันดูแลสภาพแวดล้อมอยู่แล้ว โดยรณรงค์ตามโรงเรียน และชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคัดแยกขยะ ไม่ทิ้งขยะตามแหล่งท่องเที่ยว หรือดูแลสภาพแวดล้อมภายในชุมชนของตัวเอง ในส่วนของนายเยนส์ต้องขอยกย่องและสมควรนำมาเป็นตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติหรือคนไทย หากช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมถือเป็นบุคคลที่น่าชื่นชม