เก็บขยะ-หาเลี้ยงชีพ ฝรั่งสู้ชีวิต! ดูแลหาด-คนไทยซูฮก

พบฝรั่งชาวเดนมาร์ก อดีตช่างเทคนิคบ่อน้ำมัน ที่กินเงินเดือนหลักแสน แต่ผันตัวเองมาเป็นคนเก็บขยะอยู่ที่หาดน้ำริน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หาเงินเลี้ยงครอบครัว เผยแต่งงานอยู่กินกับคนไทย ชอบเมืองไทยเลยตั้งหลักปักฐานที่นี่ ตอนแรกช่วยภรรยาขายน้ำนักท่องเที่ยวริมทะเล แต่เห็นขยะเกลื่อนหาดเลยเก็บมาขาย ได้เงินมาจะแบ่งไปซื้อขนมแจกเด็กๆ ในหมู่บ้าน จนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านทั่วไป เจ้าตัวพูดเต็มปากยึดอาชีพเก็บขยะโดยไม่แคร์สายตาใคร เพราะเป็นงานสุจริต ช่วยธรรมชาติอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ที่ผ่านมา มีเสียงร่ำลือกันว่าที่หาดน้ำริน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังเมืองระยอง ตั้งอยู่หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง มีชาวต่างชาติสูงอายุคนหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านรู้จักดีในนามของ "ลุงเย็น" หรือนายเยน พอลเซน อายุ 59 ปี ชาวเดนมาร์ก ประกอบอาชีพเก็บขยะริมหาดหาเลี้ยงครอบครัว ทั้งๆ ที่ในอดีตนายเยน ผู้นี้ทำงานเป็นช่างเทคนิคบ่อน้ำมันเป็นคนมีฐานะ แต่ลาออกมาอยู่กินกับภรรยาชาวไทยในจ.ระยอง และยึดอาชีพเก็บขยะขายเรื่อยมา เพราะเห็นว่าขยะทำให้ชายหาดสกปรก โดยเงินที่ได้มาจากการขายขยะ นายเยนได้แบ่งไปซื้อขนมแจกเด็กๆ ในหมู่บ้าน จนเป็นที่รักและศรัทธาไปทั่ว

พบนายเยน หรือ "ลุงเย็น" ฝรั่งรูปร่างใหญ่ ผมสีทอง กำลังขี่รถจักรยานคู่ใจออกเก็บเศษขวดพลาสติก และเก็บขยะที่ถูกทิ้งไว้ริมหาด พร้อมกับแบกถุงปุ๋ยใบใหญ่ไปด้วย ถึงแม้งานของนายเยน จะเป็นงานเก็บขยะ แต่ก็มิได้สร้างความรังเกียจหรือท้อแท้ให้กับนายเยนแต่อย่างใด ซึ่งนายเย็นเก็บขยะริมหาดมาได้จำนวนมากมาย ส่วนใหญ่เลือกเก็บเฉพาะขวดพลาสติกกับขวดแก้ว เพื่อนำไปขาย พอได้ขยะมาก็จะนำกลับไปเก็บแยกที่บ้าน หลังจากนั้นก็จะออกเก็บขยะต่อไปจนกว่าจะมืดค่ำ ซึ่งพฤติกรรมของนายเยนฝรั่งเก็บขยะผู้นี้ เป็นภาพอันชินตาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวทั่วไป เมื่อเห็นนายเยนมาเก็บขยะ บางคนก็จะเดินเอาขวดมาให้ พร้อมกับคำกล่าวทักทายนายเยนอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ นายเยนยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนตามชายหาดอีกด้วย และที่สำคัญ นายเยนไม่รู้สึกอับอายต่อสายตาของนักท่องเที่ยวที่มองว่าเป็นฝรั่งแต่ทำไมมายึดอาชีพเก็บขยะ

หลังเสร็จสิ้นภารกิจเก็บขยะ นายเยนให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเป็นภาษาไทยที่ชัดเจนว่า

ในอดีตเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ตนทำงานเป็นช่างเทคนิคในบ่อน้ำมันของประเทศนอร์เวย์ ได้เงินเดือนประมาณ 1 แสนกว่าบาท และได้เดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทย เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2520 จนได้มาเจอกับนางสำฤทธิ์ พอลเซน อายุ 61 ปี จึงได้ติดต่อกันเรื่อยมาและได้แต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยา พากันไปอยู่ที่ประเทศเดนมาร์กได้ประมาณ 10 ปี และหลังจากนั้นจึงได้กลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง และรู้สึกติดใจกับบรรยากาศและความมีน้ำใจของคนไทย จึงได้ตัดสินใจลาออกจากงาน และขายบ้านที่ประเทศเดนมาร์ก นำเงินมาซื้อบ้านที่ ต.บ้านฉาง โดยภรรยาก็ยึดอาชีพขายน้ำให้กับนักท่องเที่ยวที่ริมหาดน้ำริน ซึ่งการเดินทางมาปักหลักในเมืองไทยครั้งนี้ตนได้พามารดาคือนางอิลันนัว มาอยู่ประเทศไทยด้วย เพราะครอบครัวตนชอบเมืองไทย

นายเยน กล่าวต่อว่า ตอนแรกตนเองก็ช่วยภรรยาขายน้ำที่ชายหาดทุกวัน

ขายไปขายมาก็เริ่มมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับชายหาด เนื่องจากมีคนทิ้งขยะจำนวนมาก มองเห็นเศษขยะริมหาดแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะทำให้บรรยากาศที่ดีของชายหาดเสียไป ตนจึงลงมือเก็บขยะเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2529 โดยแรกๆ จะเก็บทิ้งลงถังขยะ แต่พอมาระยะหลังมีคนบอกว่าสามารถขายได้ จึงได้นำมาเก็บรวบรวมไว้ขาย ซึ่งก็สามารถเป็นเงินค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวได้ เป็นการสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกทาง เพราะตนเองไม่มีงานทำ นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการขายขยะตนยังแบ่งไปซื้อขนมไปแจกเด็กๆ ในหมู่บ้านอีกด้วย จนคนในหมู่บ้านพากันเรียกตนว่า "ลุงเย็น" จนกลายเป็นชื่อของตนไปแล้ว

"ผมไม่เคยอายกับอาชีพเก็บขยะ เพราะถือเป็นการทำประโยชน์ให้กับสังคม ทำให้ชายหาดสะอาดขึ้น และ ยังเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมให้ดูดี จึงมักจะบอกให้เด็กๆ ทุกคนมีจิตสำนึกในการช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม และยืนยันว่าจะทำอย่างนี้ต่อไปจนกว่าจะหมดแรง" นายเยนกล่าว ก่อนจะขอตัวไปเก็บขยะอีกรอบ

นายประคอง แสงก่ำ อายุ 46 ปี พ่อค้าขายปลาหมึก กล่าวว่า

รู้จักนายเยนมานานแล้วเห็นเก็บขยะริมหาดมาตลอด ทำให้ชายหาดน้ำรินสะอาด ไม่มีขยะให้เห็นเลย นอกจากนี้ นายเยนหรือ "ลุงเย็น" ก็ยังเป็นคนใจดี อัธยาศัยดีจนเป็นที่รักของพ่อค้าแม่ค้าริมหาดรวมทั้งชาวบ้านย่านนี้ ซึ่งนอกจากนายเยนจะชอบเก็บขยะแล้วยังชอบในวัฒนธรรมประเพณีไทย บ้านไหนมีงานบุญแกก็มักจะไปช่วยงานไม่เคยขาด เสมือนเป็นขวัญใจของคนในหมู่บ้านเลยทีเดียว