มีเหยื่อวันทูโก1ราย ได้อีก20ล. ใช้บัตรเครดิตซื้อตั๋ว

ยังคงเป็นปริศนาที่ต้องรอความกระจ่างถึงชนวนเหตุโศกนาฏกรรมสยองขวัญ

ที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินโดยสารรุ่น MD-82 สายการบินวัน ทู โก เที่ยวบินที่ OG 269 ที่ประสบอุบัติภัยครั้งร้ายแรง ลื่นไถลพุ่งชนเนินดินข้างรันเวย์ ขณะร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เมื่อตอนเย็นวันที่ 16 ก.ย. จนตัวเครื่องขาดสะบั้นระเบิดไฟลุกท่วม ย่างสดคร่าชีวิตผู้โดยสาร ลูกเรือ และนักบิน ดับสยองรวม 89 ศพ บาดเจ็บ 41 คน

เบื้องต้นตั้งข้อสันนิษฐานหลายสาเหตุ

ทั้งสภาพอากาศแปรปรวนเกิดกระแสลมตัดกันอย่างรุนแรงหรือ “วินด์เชียร์” การตัดสินใจผิดพลาดของนักบิน รวมไปถึงการประสานงานระหว่างหอบังคับการบินกับนักบินเกิดความผิดพลาด โดยจะต้องรอผลพิสูจน์กล่องดำบันทึกเสียงในห้องนักบินและเครื่องบันทึกการบินที่ถูกส่งไปตรวจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะทราบข้อมูลภายใน 1 อาทิตย์ ส่วนการชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างการเจรจาของสายการบินวัน ทู โก กับบริษัทประกันภัยนั้น
 

วันทูโกยันรับผิดชอบทุกอย่าง

ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ก.ย. พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ และ ร.อ.ขจิต หัพพานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน วัน ทู โก ร่วมกันแถลงถึงผลการเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย กรณีเครื่องบินวัน ทู โก ประสบอุบัติเหตุที่ท่าอากาศยานภูเก็ต โดย พล.ร.อ. ธีระ กล่าวว่า ขณะนี้ สายการบินวัน ทู โก ได้ดำเนินการเจรจากับตัวแทนของบริษัทประกันภัย เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ที่เสียชีวิต เบื้องต้นจะมีการจ่ายสินไหมทดแทน สำหรับผู้เสียชีวิตรายละ 130,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ก่อนหน้านี้สายการบินได้จ่ายให้กับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว 100,000 บาท สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ในเบื้องต้น วัน ทู โกจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเรื่องต่างๆ ทั้งหมด รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางของญาติที่มาเยี่ยม และมารับศพและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทุกๆอย่าง
 

ต่อรองจ่ายสินไหม 5 ล้านบาท

ร.อ.ขจิต หัพพานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน วัน ทู โก กล่าวว่า จากการเจรจากับตัวแทนของบริษัทประกันภัยเบื้องต้นนั้น บริษัทประกันภัยยินดีที่จะจ่ายให้กับผู้เสียชีวิตรายละ 130,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่เป็นอัตราที่เรายังไม่พอใจ ดังนั้นจะพยายามเจรจาเพื่อเพิ่มวงเงิน อาจอยู่ที่ประมาณ 150,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งตัวแทนของบริษัทประกันก็รู้สึกเห็นใจ เพราะได้รับทราบเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น การหารือจะมีการนำสถิติเก่า ที่เคยเกิดมาเป็นข้อพิจารณา เช่น กรณีเครื่องบินตกที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตอนนั้นมีการจ่ายให้ผู้เสียชีวิตรายละ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะนี้อัตราดังกล่าวน่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะต้องมีการเจรจาเป็นรายๆไปแต่ยืนยันว่าจะดูแลในเรื่องต่างๆ อย่างเต็มที่ ในส่วนของความปลอดภัยด้านการบินนั้นยืนยันว่า ธุรกิจการบินความปลอดภัยมาเป็นที่หนึ่ง ยืนยันว่าทั้งเครื่องบินและนักบินอยู่ในสภาพพร้อม มิฉะนั้นจะไม่สามารถขึ้นบินได้และจะต้องได้รับใบรับรองในการทำการบิน
 

เป็นเหตุสุดวิสัยไม่อยากให้เกิด 


ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน วัน ทู โก กล่าวอีกว่า ฝูงบินของวัน ทู โก มีไม่มาก เครื่องบินมีการพักเครื่องตรงตามมาตรฐานที่กำหนด และนักบินได้พักก่อนทำการบินตามเวลา ยืนยันว่าการบินอยู่ในระดับมาตรฐานแน่นอน แม้ว่าเครื่องบินจะมีอายุการใช้งานกว่า 20 ปี แต่มีการตรวจเช็คตามระยะเวลาที่กำหนดมาตลอด สำหรับเครื่องบินที่ให้บริการในมีทั้งสิ้น 8 ลำ ตกไป 1 ลำ เหลือ 7 ลำ แต่ขณะนี้เหลืออยู่ใช้บินจริงเพียง 6 ลำเท่านั้น สำหรับผลกระทบความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นหลังจากนี้นั้น มองว่าอาจจะมีบ้าง แต่เชื่อว่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เบื้องต้นคงมีบ้างที่คณะทัวร์อาจจะยกเลิก แต่คิดว่าคงไม่มาก เพราะยังไม่ได้รับรายงานว่าได้รับผลกระทบมาก เชื่อว่าโดยเฉลี่ยผู้โดยสารที่มาใช้บริการมีความเข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าวัน ทู โก ไม่ดูแลและรับผิดชอบผู้เสียชีวิต ญาติของผู้เสียชีวิตนั้น ยืนยันว่าไม่ได้ละเลย ได้จัดเจ้าหน้าที่เตรียมไว้รองรับและประสานงานอย่างเต็มที่ แต่หากมีข้อบกพร่องบางอย่างก็ต้องขอโทษด้วย
  

ยอมขายทุกอย่างชดใช้ค่าชีวิต
 

ด้านนายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานสายการบิน วัน ทู โก กล่าวว่า บริษัทยืนยันที่จะรับผิดชอบค่าชดเชยอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ได้แบ่งการจ่ายออกเป็น 3 ประเภท คือค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพที่จ่ายให้กับญาติทันที 100,000 บาทต่อศพ และค่าสินไหมทดแทนที่จะต้องจ่ายให้กับผู้เสียชีวิตเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ 130,000 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนกรณีค่าทำขวัญของคนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นต้องมาพิจารณาในการจ่ายชดเชยทีหลังเป็นกรณีไป แต่การรักษาพยาบาลจะดำเนินการถึงที่สุด ทุกวันนี้อยากที่จะช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก ที่หลายฝ่ายมีความกังวลและถามผมมาตลอดในช่วงที่มีเหตุการณ์ว่าวัน ทู โกจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของสายการบินโลว์คอสต์กลับมานั้น เรื่องนี้ยังไม่อยากคิดอะไร เพราะทุกวันนี้ทำทุกอย่างก็คำนึงถึงคนเจ็บคนตายเป็นหลัก หากจะต้องขายทุกอย่างเพื่อนำมาชดใช้ก็จะทำทันทีไม่ต้องเป็นห่วง
 

ปลื้มปีติในหลวงทรงช่วยคนเจ็บ
 

นายอุดมกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ตนยังรู้สึกปลื้มปีติที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานทรัพย์ ส่วนพระองค์ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 โรงพยาบาล เป็นเงินกว่า 900,000 บาท ทำให้เห็นว่าพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็น นอกจากนี้ รู้สึกซาบซึ้งใจเพื่อนร่วมสายการบินด้วยกันเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ก็ช่วยเหลือตนดีมาก รวมถึงสมาคมโรงแรมและสมาคมท่องเที่ยวด้วย ได้มีการประสานงานไว้ว่า หากญาติของผู้เสียหายต้องการเดินทาง 3-4 คนมาที่ภูเก็ต จะประสานที่พักให้ รวมถึงสายการบินที่อยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิและที่สนามบินดอนเมืองก็พร้อมที่จะประสานให้ แล้วตนค่อยไปเคลียร์ทีหลัง
 

รอวิเคราะห์สาเหตุนานนับปี
 

ขณะที่นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กล่าวถึงความคืบหน้าการหาสาเหตุของอุบัติเหตุว่ายังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุดที่มีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ขณะนี้กำลังดำเนินการรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ และถอดข้อมูลจากกล่องดำ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ใช้เวลาในการดำเนินการไม่นาน แต่ในเรื่องของการวิเคราะห์อาจจะใช้เวลานาน บางกรณีอาจจะใช้เวลาเป็นปีเช่น กรณีเครื่องบินคองคอร์ดของประเทศฝรั่งเศสตก
 

สุวรรณภูมิช่วยบริการญาติเหยื่อ
 

ร.ท.ณรงค์ชัย ถนัดช่างแสง รอง ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ รักษาการ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ เผยว่า จากอุบัติเหตุที่สนามบินภูเก็ต ได้มีญาติของผู้โดยสารต้องการติดต่อประสานงาน ในการเดินทางไปรับศพหรือเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือให้มีความรวดเร็วในการติดต่อประสานงาน และเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น สนามบินสุวรรณภูมิจึงจัดตั้ง จุดบริการช่วยเหลือญาติและครอบครัวของผู้ประสบอุบัติเหตุ เป็นการเฉพาะ ทำหน้าที่ช่วยประสานงานกับศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ หากญาติของผู้ประสบอุบัติเหตุ ต้องการเดินทางไป สนามบินภูเก็ต โดยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ทางสุวรรณภูมิ จะประสานกับสายการบินให้เป็นกรณีพิเศษ รวมทั้งอำนวยความสะดวกญาติในการส่งศพกลับประเทศสำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นชาวต่างประเทศอีกด้วย โดยจุดช่วยเหลือดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 บริเวณประตู 3 อาคารที่พักผู้โดยสาร จะมี เจ้าหน้าที่คอยบริการ 3 คน ตั้งแต่เวลา 05.00-24.00 น. หรือหากต้องการติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์ สามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 0-2132-1888 ตลอด 24 ชั่วโมง จะเปิดให้บริการจนกว่าสถานการณ์จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
  

บริษัทประกันทยอยจ่ายสินไหม
 

ในส่วนการได้รับสินไหมทดแทนของผู้โดยสารเครื่องบินที่เสียชีวิตและได้ที่ทำประกันชีวิตไว้นั้น นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เผยว่า หลังจากเช็กรายชื่อผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินวันทูโก 89 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนไทย 36 ราย ซึ่ง 25 รายได้ทำประกันชีวิตและประกันวินาศภัยไว้กับบริษัทประกันภัยในไทย ขณะนี้บริษัทประกันภัยในประเทศไทย เริ่มทยอยจ่ายสินไหมให้ผู้เสียชีวิตแล้ว โดยวันที่ 19 ก.ย. จ่ายแล้ว 2 ราย วงเงินประมาณ 1.4 ล้านบาท จะจ่ายอีก 8 รายในวันที่ 20 ก.ย.นี้ โดยจ่ายชดเชยวงเงินตั้งแต่ 200,000-1.5 ล้านบาท ที่เหลือกำลังตรวจสอบและยังไม่ได้รับการร้องเรียนถึงการประวิงการจ่ายค่าสินไหม
 

คปภ.เป็นตัวกลางเร่งรัดการจ่าย
 

สำหรับกรณีประกันภัยที่วันทูโกทำไว้กับ บริษัท Pen Lloyd สาขาประเทศสิงคโปร์ นั้น วันทูโกแจ้ง คปภ.ว่า จะจ่ายค่าปลงศพให้ผู้เสียชีวิตรายละ 100,000 บาท ส่วนค่าชดเชยอื่นๆ คปภ.จะร่วมกับวันทูโก จัดทำแบบฟอร์ม เพื่อให้ญาติผู้เสียหายได้กรอกรายละเอียด และจัดส่งให้บริษัท Pen Lloyd โดยเร็วที่สุด หากญาติผู้ ประสบภัยไม่พอใจค่าชดเชยที่วันทูโกจะให้นั้น และจะฟ้องร้องก็สามารถทำได้ โดย คปภ.ทำหน้าที่ได้เพียงการประสานงานหากมีการร้องเรียนมาและไกล่เกลี่ยโดยระบบอนุญาโตตุลาการ แต่ คปภ.ไม่สามารถบังคับให้วันทูโกจ่ายสินไหมเท่าไหร่ หรือขอเพิ่มเป็นเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่วันทูโกต้องเจรจากับบริษัทประกันภัยเอง เราเพียงเร่งรัดให้จ่ายสินไหม
 

ลูกค้าเคทีซีได้เงินประกัน 20 ล้าน
 

ขณะที่ นายจารึก กังวานพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทกำลังตรวจสอบการซื้อตั๋วเครื่องบินวันทูโก เที่ยวบินที่เกิดอุบัติเหตุว่า มีผู้ซื้อตั๋วผ่านบัตรกรุงไทยหรือ เคทีซี หรือไม่ เนื่องจากเคทีซี ได้ทำประกันชีวิตสำหรับลูกค้าที่ใช้บัตร ผ่านบริษัททิพยประกันภัย และพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าวได้ซื้อตั๋วผ่านบัตรเคทีซีจำนวน 3 ราย โดย 1 ราย ได้ซื้อตั๋วโดยสารผ่านบัตรเครดิตแพลทินัม วงเงินทุนประกันอยู่ที่ 20 ล้านบาท ส่วนอีก 2 รายเป็นบัตรเครดิตธรรมดา วงเงินทุนประกัน 1 ล้านบาท ทั้งนี้หากตรวจสอบได้ว่าทั้ง 3 ราย ซื้อตั๋วผ่านบัตรเครดิตเคทีซีจริง ก็พร้อมแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตมารับเงินประกันตามวงเงินคุ้มครองทันที ซึ่งกระบวนการตรวจสอบรายละเอียดดังกล่าวจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้
 

บริษัทฟินันซ่าจ่ายไปแล้ว 2 ราย
 

เช่นเดียวกับบริษัทฟินันซ่าประกันชีวิต จำกัด ก็ได้จ่ายสินไหมทดแทนให้กับผู้โดยสารเครื่องบินวันทูโกที่เสียชีวิต จำนวน 2 ราย คือนายธีรยุทธ มนูรักษ์ชินากร ทุนประกันชีวิต 100,000 บาท ประกันอุบัติเหตุ 300,000 บาท และ น.ส.จิรานุช สุวรรณรัตน์ ทุนประกันชีวิต 100,000 บาท ขณะนี้ บริษัทได้ประสานงานไปยังญาติผู้เสียชีวิต เพื่อดำเนินการจ่ายสินไหมแล้ว 
 
ยันหอการบินไม่ได้สั่งลงจอด
 

สำหรับสาเหตุเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ที่มีการถกเถียงกันว่า เป็นความผิดของนักบิน หรือหอบังคับการบินภูเก็ต นั้น นายกำธร ศิริกร รองผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ชี้แจงกรณีที่นายอากุง บายู ฮังโกโน ลูกชายของ น.ท.อารีฟ มูลยาดี ชาวอินโดนีเซีย กัปตันเครื่องบินสายการบินวันทูโก ที่ให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนอินโดนีเซีย โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่สายการบินให้ข้อมูลว่า ตอนเกิดเหตุบิดาต้องการนำเครื่องบิน บินกลับไปกรุงเทพฯ และยกเลิกการลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพราะเห็นว่าสภาพอากาศไม่ดี แต่ทางหอบังคับการบินแจ้งให้นำลงจอดนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน ไม่ได้แจ้งให้นักบินนำเครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตแต่อย่างใด ส่วนการที่นำเครื่องบินลงจอดนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักบินเอง เจ้าหน้าที่บริการจราจรทางอากาศ หอบังคับการบิน มีหน้าที่ให้คำแนะนำแก่นักบินในการบอกถึงสภาพรันเวย์ว่า มีสิ่งกีดขวางหรือไม่ รวมทั้งข่าวสภาพอากาศและแรงลมในขณะนั้น ทั้งนี้ อำนาจการตัดสินในการขึ้น-ลงจะเป็นของนักบิน เพราะนักบินจะเป็นผู้ทราบสมรรถนะเครื่องของตนเองว่าสามารถลงจอดในลักษณะอากาศและความเร็วลมในสนามบินนั้นได้หรือไม่
 

จนท.สื่อสารกับนักบินเป็นปกติ
 

ทั้งนี้ การสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินกับนักบินเป็นไปตามปกติ การรายงานครั้งสุดท้ายที่ 240 องศา ความเร็วลม 40 นอต สภาพอากาศเป็นไปตามปกติของสนามบินภูเก็ต เพราะอยู่ในช่วงมรสุมโดยความเร็วลม ต่างจากเครื่องที่ลงก่อนหน้าจาก 15 นอต เป็น 40 นอต แต่อยู่ในระดับที่นักบินสามารถบังคับเครื่องขึ้นลงได้ แต่อาจมีแรงลมหรือลมเปลี่ยนทิศทางกะทันหันในระยะสั้น ในบริเวณที่เครื่องกำลังลงจอด ซึ่งต้องรอผลจากกล่องบันทึกการทำงานของเครื่อง ซึ่งจะมีการบันทึกความเร็วลมขณะนั้นไว้ จึงไม่ควรวิเคราะห์หาสาเหตุก่อนที่ผลการสืบสวนจะสรุป
 

รอกล่องดำไขปริศนาเครื่องตก


ส่วนกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศ อ้างคำสัมภาษณ์ ของนายวุฒิชัย สิงห์มณี ผอ.สำนักมาตรฐานและความปลอดภัยในการเดินอากาศว่า ได้ตรวจพบว่าระบบตรวจจับแรงลมไม่ตอบสนอง หอบังคับการบินจึงสันนิษฐานว่า ระบบทำงานไม่สมบูรณ์ในช่วงที่เกิดเหตุ หรือกรณีดังกล่าวอาจเกิดจากไมโครเบิร์สนั้น นายกำธรกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกระทรวงคมนาคมที่จะต้องดำเนินการสอบสวน ซึ่งระบบตรวจจับนี้เป็นระบบที่อยู่ ในความรับผิดชอบของกรมอุตุนิยมวิทยา และเป็นการสันนิษฐานเท่านั้น ผู้ควบคุมจราจรทางอากาศมีหน้าที่ต้องแจ้งข้อมูลการบินต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการบินขึ้นหรือลงให้กับนักบิน ส่วนการตรวจสอบเทปบันทึกการสนทนาระหว่างกัปตันและหอบังคับการบินว่า มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างไรนั้น จะถูกบันทึกไว้ในกล่องดำและที่หอการบิน สำหรับกล่องดำทั้ง 2 กล่อง ตอนนี้ส่งไปตรวจสอบหาข้อมูลรายละเอียดการสนทนาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 1 สัปดาห์ 
 
รอดีเอ็นเอญาติเหยื่อบินมรณะ
 

ที่ศูนย์ปฏิบัติการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล (ดีวีไอ) จากเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินวันทูโกเกิดอุบัติเหตุ ตั้งอยู่อาคารอเนกประสงค์ ท่าอากาศยานภูเก็ต ช่วงสายวันเดียวกัน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ที่ปรึกษางานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล หรือดีวีไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา ผบช. สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการทำงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ โดย มี พล.ต.ต.สฤษฏ์ชัย เอนกเวียง ผบก.วิทยาการที่ 4 กล่าวรายงานความคืบหน้าในการทำงานว่า ศพผู้เสียชีวิตที่เหลืออยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ 48 ศพ ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ 33 ศพ เพราะมีปัญหาเรื่องศพถูกไฟไหม้จนไม่สามารถตรวจหาลายนิ้วมือได้ ต้องรอญาติผู้เสียชีวิตจากต่างประเทศส่งตัวอย่างดีเอ็นเอมาเปรียบเทียบกับศพเพื่อยืนยันว่าตรงกันหรือไม่ ก่อนจะปล่อยศพให้รับกลับไปจัดการตามประเพณีต่อไป
 

รมช.ฝรั่งเศสจี้ผลชันสูตรศพ
 

ต่อมาได้มี น.ส.รามายาดี รมช.ต่างประเทศ ประเทศฝรั่งเศส รับผิดชอบงานด้านต่างประเทศและสิทธิมนุษยชน เดินทางมาที่ศูนย์ดีวีไอ เพื่อสอบถามความคืบหน้าการจัดการศพชาวฝรั่งเศส 6 ศพที่เสียชีวิตในครั้งนี้ จากนั้น พร้อมด้วย พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา และคณะ เดินทางไปยังตู้คอนเทนเนอร์ที่เก็บศพผู้เสียชีวิตที่ยังตรวจชันสูตรไม่เสร็จ บริเวณด้านในรันเวย์ท่าอากาศยานภูเก็ต โดย น.ส.รามายาดีได้วางพวงหรีดแสดงความไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิต จากนั้นได้สอบถามถึงระยะเวลาการตรวจชันสูตรศพผู้เสียชีวิตที่เหลืออยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด พล.ต.ท.อัมพรกล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะมีหลายศพโดนไฟไหม้จนไม่สามารถตรวจหาลายนิ้วมือแฝงได้ เจ้าหน้าที่ต้องการให้ทางประเทศฝรั่งเศสส่งดีเอ็นเอของญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 6 รายมาให้โดยด่วนเพื่อตรวจเปรียบเทียบกับศพผู้เสียชีวิตให้ได้ผลที่แน่นอน ป้องกันความผิดพลาดไม่ให้เหมือนคราวที่เกิดมหันตภัยสึนามิ


ชี้แจงทำตามมาตรฐานสากล
 

พล.ต.ท.อัมพรยังชี้แจงถึงขั้นตอนการตรวจพิสูจน์ ศพผู้เสียชีวิตว่า ได้ดำเนินการตามมาตรฐานสากล โดยมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ตรวจทางด้านทันตกรรม และพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยการจัดเก็บลายนิ้วมือของผู้เสีย ชีวิตค่อนข้างมีอุปสรรค เพราะศพถูกไฟไหม้อย่างรุนแรงทำให้ยากต่อการจัดเก็บ ดังนั้น การตรวจเปรียบเทียบจึงต้องใช้ดีเอ็นเอของพ่อแม่หรือญาติผู้เสียชีวิต เพื่อให้การปล่อย ศพมีข้อมูลที่ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือ ทันตกรรม และดีเอ็นเอ ส่วนระยะเวลาดำเนินการนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าจะเสร็จเมื่อใด ขึ้นอยู่ข้อมูลที่จัดส่งมา
 

ตั้งคณะทำงานส่งศพคืนญาติ
 

นายวรพจน์ รัฐสีมา รอง ผวจ.ภูเก็ต ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมติดตามการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ บุคคลและการส่งศพคืนให้กับญาติ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐาน และฝ่ายปกครองว่า คณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่พิจารณาคำร้องที่ญาติผู้ตายมายื่นไว้เพื่อขอรับศพ ในที่ประชุม มีการพูดคุยเกี่ยวกับหลักฐานที่ญาติหรือผู้ได้รับมอบหมายจะต้องจัดเตรียมมาว่ามีอะไรบ้าง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อนปล่อยศพคืนให้กับญาติ เพื่อป้องกันความผิดพลาดและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนทรัพย์สินของผู้ที่ประสบเหตุมี 3 ฝ่ายที่จะช่วยกันดูแล ประกอบด้วยพนักงานสอบสวน สายการบินวันทูโก และกระทรวงการต่างประเทศ โดยข้อมูลรายละเอียดต่างๆนั้นจะนำไปลงไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศด้วย
 

ย้ำทุกศพไฟไหม้ต้องมีหลักฐาน
 

พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ที่ปรึกษางานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สตช. กล่าวว่า เวลานี้ทุกศพที่ถูกไฟไหม้ทุกอย่างจำเป็นต้องมีหลักฐาน และจะต้องมีข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งฟัน รอยแผลเป็น หรือตำหนิต่างๆในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาปล่อยศพป้องกันความผิดพลาด เมื่อมีคณะกรรมการที่ทางจังหวัดแต่งตั้งขึ้นจะทำให้งานในส่วนของการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งมีชาวต่างชาติพยายามขอศพไปให้ได้ โดยอาศัยเพียงหน้าตาหรือความรู้สึก จะเป็นปัญหากับบางประเทศและส่งผลกระทบกับประเทศของเรา เนื่องจากปัญหาลักษณะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ แต่ครั้งนี้ยังไม่มี
 

เก็บดีเอ็นเอ-เอกซเรย์ฟันเสร็จ
 

ด้าน พ.ต.อ.นิธิ บัณฑุวงศ์ ผกก.กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและส่งกลับ สตช. กล่าวถึงความคืบหน้าการเก็บข้อมูลเอกลักษณ์บุคคลของชาวต่างชาติที่เสียชีวิต ว่า ขณะนี้การเก็บดีเอ็นเอและเอกซเรย์ฟันดำเนินการเสร็จแล้ว ยังคงเหลือการเก็บลายพิมพ์นิ้วมือบางส่วน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเร็วๆนี้ เมื่อญาตินำข้อมูลมาเปรียบเทียบแล้วตรงกันก็สามารถคืนศพให้ได้ทันที แต่หากนำมาเฉพาะภาพถ่ายคงไม่เพียงพอ เพราะอาจเกิดความผิดพลาดได้ ดังนั้นในการมารับศพควรต้องมีดีเอ็นเอของพ่อแม่หรือหลักฐานด้านทันตกรรมมาประกอบด้วย
 

เร่งออกมรณบัตรให้ผู้เสียชีวิต
 

สำหรับการออกมรณบัตรให้กับผู้เสียชีวิตนั้น พ.ต.อ.นิธิ เผยว่า ผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติมีทั้งหมด 53 ราย ได้ออกมรณบัตรไปแล้ว 9 ราย ประกอบด้วย นายอารีฟ มุลยาดี นักบินชาวอินโดนีเซีย นายไวท์คุส ฮอสท์ เกอร์ฮาร์ด ชาวเยอรมัน นายอิศซัค ปัดตอน ชาวอิสราเอล นายโวโรนอฟ สเตฟานมาร์ค ชาวอเมริกัน นายคอนลิน เจ เคนนี ชาวอเมริกัน น.ส.ฮิลา เกอโซนี ชาวอิสราเอล นายมัลเลอรี่ ไบรอัน ชาวออสเตรเลีย นายอาร์รอน เจริด ไทแลนด์ สัญชาติไอริช และนายไมเคิล โจเซฟ ชาวอเมริกัน โดยญาติรับศพกลับไปแล้ว 3 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตคนไทย 36 ราย ออกมรณบัตรให้ไปแล้วทั้งหมด ประกอบด้วย น.ส.มัลลิกา โกยสิน น.ส.ศุภลักษณ์ เชื้ออิ๋ว นายธีรยุทธ มุนรักษ์ธินาการ น.ส.พัชรินทร์ สตยะพงษ์ศากรณ์ นายอภิชัย พรหมพิทักษ์กุล นายอภิชัย เรือทอง นายสมโภชน์ สังขพงศ์ นายเจษฎา เดชากุล นายฉกาจ กุลวานิช นายศิริพุทธ จิตต์จำนง นายพิทยา ว่องวันดี น.ส.คณินนาฎ มาตย์เมือง น.ส.จิรานุช สุวรรณรัตน์ น.ส.บุษกร สอนจรูญ นางปราณี ปัญญายงค์ นายคชา กาญจนสุธา น.ส.พึ่งบุญ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นางศิริลักษณ์ ทัพธานี นายสัญญา พรมอารักษ์ นายชวพล บุญมีไชย นางวันทนา มีแสง นางยาใจ ธัญการ นายจักรพล ชัยปิตินานนท์ น.ส.กนกอร พัฒนภิรมภ์ นายสุดประสงค์ เหล่าศิริวุฒิ นางวรรณพร บุญสูง นางสมลักษณ์ อัญสกุล นายศิริกร อัญสกุล นายมนตรี กมลรัตนชัย นายธนาวุฒิ สายเขียว นายสินชัย ฉายอรุณ น.ส.อำนวย มีศิลป์ นายราช รัตนพล นายสุชีพ ปานตั้น น.ส.ชนิดา ภัทรวรกุล และ น.ส.เบญจวรรณ ศรีใจอินทร์
 

2 วิญญาณเฮี้ยนเข้าสิงชาวบ้าน
 

ต่อมาเวลา 15.30 น. ภายในอาคารอเนกประสงค์ ท่าอากาศยานภูเก็ต นางมาลี สดาวงศ์วิวัฒน์ ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการภาคพื้นดิน สายการบินวันทูโก พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของสายการบินจำนวนหนึ่ง ได้นิมนต์พระคีรีรัฐ ธรรมคณี เจ้าอาวาสวัดมงคลนิมิต หรือวัดกลาง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมพระสงฆ์รวม 5 รูป มาทำพิธีสวดอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต นางมาลีกล่าวว่า การนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีครั้งนี้เป็นการสวดส่งวิญญาณ 2 ดวงของผู้เสียชีวิตที่ไปเข้าสิงร่างของชาวบ้าน 2 คน โดยเมื่อช่วงเช้ามีชาวบ้านคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ได้ขับรถมารับญาติที่สนามบินภูเก็ต ขากลับได้มีวิญญาณ 2 ดวงของผู้เสียชีวิตเข้าสิงร่างของญาติชาวบ้านคนดังกล่าว พร้อมบอกว่าเอาวิญญาณมาทำไม ทำให้ญาติๆตกใจมาก จึงพากันมาแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินวันทูโกให้ทราบ ทางผู้บริหารจึงไปปรึกษากับเจ้าอาวาสวัดกลางได้แนะนำให้ทำบุญสวดศพ กรวดน้ำ และสวดส่งวิญญาณทั้ง 2 ดวงไปสู่สุคติ หลังเสร็จพิธี พระคีรีรัฐ ได้นำน้ำมนต์ไปประพรมทั่วอาคารอเนกประสงค์ ซึ่งเป็นที่พักศพจุดแรกในวันเกิดเหตุ
 

ฮีโร่ชาวไทยเยี่ยมหนุ่มออสซี่
 

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายไพบูลย์ ผาพันธ์ อายุ 39 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังยังคงต้องนั่งรถเข็นและรักษาตัวภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ รพ.กรุงเทพภูเก็ต เป็นชายสวมเสื้อเหลืองที่ได้ ช่วยเหลือนายโรเบิร์ต บอร์แลนด์ อายุ 48 ปี ชาวออสเตรเลีย ที่ติดอยู่บริเวณประตูทางออกฉุกเฉิน จนรอดชีวิตมาได้ พร้อมด้วย นพ.สมโภชน์ นิปกานนท์ ผช.ผอ.รพ.กรุงเทพภูเก็ต ได้เข้าไปเยี่ยมนายโรเบิร์ต ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ห้องใกล้เคียงกัน ทันทีที่ได้พบหน้าคนที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้ นายโรเบิร์ตถึงกับปลาบปลื้มดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ได้กล่าวขอบคุณนายไพบูลย์ พร้อมเปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าว่า รู้สึกประทับใจความเป็นคนไทยและการที่คนไทยมีน้ำใจไม่ทอดทิ้งผู้ใดในยามยากลำบาก แม้ตัวเองต้องพยายามหนีเอาชีวิตรอดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะนายไพบูลย์ ซึ่งอยู่ในภาวะตกใจและบาดเจ็บ แต่กลับมีน้ำใจหันหลังมาช่วยเหลือ จนสามารถนำตนออกจากเครื่องบินมรณะที่กำลังไฟลุกไหม้ได้ในที่สุด หวังว่าจะได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เหตุการณ์ ดังกล่าวจะไม่มีวันลืมเลือนไปจากหัวใจตราบชั่วชีวิต
 

สื่อเทศชู “นักบุญเสื้อเหลือง”
 

ด้านนายไพบูลย์ ผาพันธ์ กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ดีใจมากที่สามารถช่วยชีวิตเพื่อนร่วมชะตากรรมออกมาจากเครื่องบินมรณะได้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนไทย และสามารถรอดชีวิตมาจนทุกวันนี้ได้ หลังจากเกิดเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าว ตนได้รับฉายาจากสื่อต่างประเทศว่า “นักบุญเสื้อเหลือง” เนื่องจากในวันเกิดเหตุสวมใส่เสื้อสีเหลืองตราสัญลักษณ์ 80 พรรษาของในหลวง พ่อฟ้าของแผ่นดินและปวงชนชาวไทย ถือว่าเป็นโอกาสที่จะแสดงให้คนต่างชาติได้รู้ว่า พวกเราชาวไทยมีความรักและจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวของเราทุกคน การช่วยเหลือเพื่อนร่วมชะตากรรมในภาวะคับขันครั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามรอยพระเจ้าอยู่หัว เป็นการทำด้วยใจ ไม่คิดว่าจะมีชื่อเสียงหรือโด่งดังไปทั่วโลก แต่เพราะตนเป็นคนไทย
 

ไม่ย้าย รพ.-เชื่อมั่นหมอไทย
 

นพ.สมโภชน์ นิปกานนท์ ผช.ผอ.รพ.กรุงเทพภูเก็ต กล่าวว่า นอกจากนายโรเบิร์ตจะรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของคนไทยแล้ว ยังแสดงความชื่นชมและเชื่อมั่นในมาตรฐานการรักษาพยาบาลของเมืองไทยด้วย โดยนายโรเบิร์ตและมารดายืนยันว่าจะรับการรักษาที่ รพ.กรุงเทพภูเก็ต จนหายจากอาการบาดเจ็บ เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางกลับไปรักษาตัวที่ประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากมีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับที่บ้านเกิด
 

แม่ผู้พิพากษาสูญเสียเสาหลัก
 

สำหรับเหยื่อผู้เสียชีวิตที่ถูกส่งไปบำเพ็ญกุศลยังบ้านเกิดนั้น ที่ศาลาอเนกประสงค์วัดเสนานุชรังสรรค์ หรือวัดใหญ่ ต.ตลาดใหญ่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา สถานที่ ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายฉกาจ กุลวานิช ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพังงา หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเที่ยวบินมรณะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีพวงหรีดจากหน่วยงานราชการทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ ส่งมาแสดงความไว้อาลัยจำนวนมาก นางสดศรี กุลวานิช มารดาของนายฉกาจ เผยว่า ตนมีลูก 2 คน คนโตเป็นลูกสาว ส่วนนายฉกาจเป็นลูกชายเพียงคนเดียว เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในครอบครัว สามารถสอบเป็นผู้พิพากษาได้และรับราชการในปี 2543 จนกระทั่งได้ทำงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลจังหวัดพังงาเมื่อปี 2547 ก่อนเสียชีวิตได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นเดินทางกลับโดยลงที่สนามบินกรุงเทพฯ และเดินทางด้วยสายการบินวันทูโกที่ประสบเหตุไม่คาดฝัน ทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่แทบแตกสลายร้องไห้จนไม่มีน้ำตาออกมาให้เห็น
 

พ่อบัณฑิตสาวจวกระบบกู้ภัย
 

ที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 1 ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.สุภลักษณ์ เชื้ออิว บัณฑิตสาววัย 27 ปี บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความเศร้าโศก นายสุภชัย เชื้ออิว อายุ 52 ปี ผู้เป็นพ่อเปิดเผยว่า ลูกสาวเรียนจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช ช่วยกิจการขายอาหารของครอบครัว ชื่อร้านเบอร์ดี้ ตั้งอยู่ในบริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.ราชพฤกษ์ อ.เมืองพังงา ปกติลูกสาวจะไม่ค่อยไปไหน แต่มาขออนุญาตไปพักผ่อนที่กรุงเทพฯ 6 วัน ก่อนกลับโทรศัพท์มาบอกพี่ชายให้ไปรับที่สนามบิน กระทั่งประสบอุบัติเหตุดังกล่าว โดยลูกชายเล่าว่า เจ้าหน้าที่สนามบินได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุช้าเกินไป กว่ารถดับเพลิงจะวิ่งไปถึงก็ร่วม 15 นาที และยังไม่ได้ดับเพลิงในทันที ลูกสาวตนได้รับอุบัติเหตุจากการกระแทกเพียงแขนซ้ายหักเท่านั้น ไม่น่าจะต้องมาเสียชีวิต เรื่องนี้น่าจะเป็นบทเรียนที่รัฐบาลต้องหันมาทบทวนมาตรฐานในการออกไปกู้ภัยให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ ไม่ใช่ว่าจะดีแต่ตอนซ้อมเท่านั้น
 

แม่ นศ.วอนเร่งจ่ายค่าเสียหาย
 

ส่วนที่บ้านในเขตเทศบาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของ น.ส.คณินนาฎ มาตย์เมือง นักศึกษา

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์