ร้อนถึงคณะแพทย์ต้องผ่าให้ดูใหม่ต่อหน้า โดยมีตร.เป็นพยานด้วย ยืนยันแน่ชัดไม่มีการขโมยอวัยวะภายใน แต่สาวยังติดใจอยู่ดี ระบุสาเหตุที่ไม่พอใจ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำพิธีปลุกให้แม่ฟื้นจากความตายได้ เผยแม่มีอาชีพเป็นร่างทรงพระพิฆเนศ เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งก็สามารถปลุกให้คืนชีพมาได้ ทางด้านตร.ชี้หมอผ่าศพไปก็เพราะอยากรู้สาเหตุการตายที่แน่ชัด แต่การไม่ขออนุญาตจากญาติก่อนก็ถือว่าผิดกฎหมายด้วย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ก.ย.
น.ส.ลักษณา เถาปัญญา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 17 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง เข้าแจ้งความต่อพ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ พนักงานสอบสวนสภ.ต.ภูพิงค์ อ.เมือง จ.เชียง ใหม่ ให้ดำเนินคดีกับคณะแพทย์นิติเวช ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ กรณีผ่าศพของนางอนงค์ลักษณ์ เถาปัญญา อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นมารดา โดยมิได้รับอนุญาตจากญาติ
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ร่วมกับผู้เสียหายรุดไปตรวจสอบที่ห้องเก็บศพแผนกนิติเวช ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่
เพื่อขอให้คณะแพทย์ชันสูตรศพร่วมกับญาติอีกครั้ง ซึ่งคณะแพทย์รวม 4 คน นำโดยน.พ. ไพฑูรย์ ณรงค์ชัย แพทย์นิติเวช ได้ร่วมชันสูตรศพผู้ตายอีกครั้ง ปรากฏว่าอวัยวะของผู้ตายยังอยู่ครบ แต่น.ส.ลักษณาและญาติยังติดใจและยืนยันจะดำเนินคดีกับคณะแพทย์
น.ส.ลักษณา เปิดเผยว่า
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา มารดาบ่นกับที่บ้านว่าเหนื่อย จ.ส.อ.นำ แก้วพรหม อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นตา จึงพาตัวไปรักษาที่ร.พ.สุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง แพทย์ตรวจอาการแล้วสันนิษฐานว่าอาการป่วยเกิดจากเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ และแนะนำให้ส่งตัวไปตรวจเช็กรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ทั้งนี้ในช่วงนั้นมารดายังสามารถหายใจได้เอง แต่ระหว่างทางรถพยาบาลของร.พ.สุรศักดิ์มนตรีไปยังร.พ.มหา ราชนครเชียงใหม่ ซึ่งมีจ.ส.อ.นำนั่งมาด้วย ปรากฏว่ามารดาหยุดหายใจ พยาบาลจึงปั๊มหัวใจให้แต่ก็ไม่ฟื้นและหยุดหายใจบนรถพยาบาล
น.ส.ลักษณากล่าวต่อไปว่า
ในวันดังกล่าว เวลาประมาณ 14.00 น. ศพของมารดามาถึงร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ จ.ส.อ.นำได้โทรศัพท์มาบอกตนซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯว่ามารดาเสียชีวิตแล้ว ตนจึงเดินทางด้วยเครื่องบินมาถึงจ.เชียงใหม่ ในเวลา 19.40 น. แต่เมื่อมาดูศพที่แผนกนิติเวช ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ จึงพบว่าศพของมารดามีเลือด เมื่อสอบถามแพทย์ก็แจ้งว่าผ่าศพไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่มีการขออนุญาตจากญาติ
น.ส.ลักษณาให้การต่อไปอีกว่า
ก่อนที่มารดาจะเสียชีวิต มีอาชีพเป็นร่างทรงของพระพิฆเนศ และหลวงปู่ชีวก ซึ่งชาวจ.ลำปางและพะเยารู้จักกันดีในนามของแม่หมอแท็ก ตั้งสำนักอยู่ที่บ้าน มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมากหลายจังหวัดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนตนก็เป็นร่างทรง รับดูดวงเป็นหมอดูลายมืออยู่ที่กรุงเทพฯ หลังทราบว่ามารดาเสียชีวิต ตอนแรกยังมีความหวังว่าจะรีบไปที่ศพเพื่อทำพิธีเรียกขวัญ โดยโทรศัพท์แจ้งลูกศิษย์ของมารดาในหลายจังหวัดไว้แล้ว ว่าจะร่วมทำพิธีพร้อมกันเพื่อหวังเรียกวิญญาณของมารดาที่ตายไปกลับมา เพราะเชื่อว่ายังไม่ถึงที่ตาย
เมื่อไม่กี่ปีก่อน เคยเกิดเหตุแม่หัวใจล้มเหลว หยุดหายใจไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่เมื่อทำพิธีทางไสย ศาสตร์ก็สามารถเรียกวิญญาณกลับฟื้นขึ้นมาได้ แต่ครั้งนี้มาช่วยแม่ไม่ทัน เมื่อมาถึงถึงกับเข่าอ่อน เพราะหมอได้ผ่าศพของแม่ จนอวัยวะสำคัญอย่างเช่นกระ ดูกที่อกแตกเสียหาย แม้จะใช้ไสยศาสตร์ก็หมดหวังที่จะเรียกชีวิตกลับคืนมาได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายกับคณะแพทย์ อยู่ระหว่างหา รือกับญาติและทนายความว่าจะฟ้องร้องค่าเสียหายในวงเงินเท่าไร" น.ส.ลักษณากล่าว
ด้านพ.ต.ท.สวัสดิ์ กล่าวว่า
จากพยานหลักฐานที่มีเบื้องต้น ยังไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดทางอาญา เพราะข้อสงสัยแรกที่ญาติสงสัยว่าแพทย์ขโมยอวัยวะภายในของผู้ตายนั้น ประเด็นนี้คงหมดข้อกังขา เนื่องจากผลการชันสูตรร่วมกันทั้งเจ้าหน้าที่แพทย์และญาติ ยอม รับว่าอวัยวะของผู้ตายอยู่ครบ แต่จากการสอบปากคำแพทย์ที่ผ่ายอมรับว่าไม่ได้ให้ญาติเซ็นใบอนุญาตก่อนจริง แต่แพทย์อ้างเงื่อนไขว่าเป็นการผ่าเพื่อหาสาเหตุการตาย เพราะผู้ตายเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายแพทย์จะต้องให้ญาติเซ็นยินยอมก่อนผ่า เนื่องจากไม่ได้เป็นศพไม่มีญาติ และมีญาติอยู่ด้วยตลอดระยะเวลาที่อยู่ร.พ. พนักงานสอบสวนจึงรับแจ้งไว้ และอาจตั้งข้อหาละเมิดกับคณะแพทย์โดยผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินค่าเสียหายได้