นอนเตียงรพ.งูเขียวหางไหม้กัดดับแพทย์อ้างสุดวิสัย

เมียอดีตพนักงานแบงก์ร้องสามีถูกงูเขียวหางไหม้กัดบนรถเข็นในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังจนเสียชีวิต


ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสั่งการกองการประกอบโรคศิลปะตรวจสอบมาตรฐาน รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล ด้านโฆษกกรมการแพทย์ชี้ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวคือมะเร็งตับระยะสุดท้าย ส่งผลให้พิษงูมีความรุนแรงมากกว่าปกติ เนื่องจากตับเสียบางส่วนทำให้เลือดออกง่าย


เหตุการณ์คนไข้โรคมะเร็งตับถูกงูเขียวหางไหม้กัดจนเสียชีวิตภายในโรงพยาบาลที่ จ.กาญจนบุรี รายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน

นางพนิดา ปิ่นปลื้มจิตร อายุ 41 ปี พนักงานการเงิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาพนมทวน จ.กาญจนบุรี อยู่บ้านเลขที่ 135 หมู่ 10 ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยบุตร 2 คน เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า นายวสันต์ ปิ่นปลื้มจิตร อายุ 42 ปี สามี อดีตพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ สาขากาญจนบุรี ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล ตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 ที่ผ่านมา โดยเข้ารับการรักษาตัวแบบผู้ป่วยนอก เดินทางไป-กลับเป็นระยะเวลาติดต่อกันนาน 8 เดือน แต่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา สามีถูกงูเขียวหางไหม้กัดในโรงพยาบาลดังกล่าวจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
 

นางพนิดา เล่าย้อนว่า เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม สามีเดินทางมาตรวจที่ รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล ตามปกติ

แพทย์ที่รักษาก็ให้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยพักอยู่ในห้องผู้ป่วยชั้น 6 ต่อมาเวลา 10.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม พนักงานเปลผู้ป่วยก็นำสามีไปทำเคมีบำบัด โดยให้นั่งรถเข็นออกจากห้องพักลงลิฟต์มาทำเคมีบำบัดและอัลตราซาวนด์ที่ห้องเอกซเรย์ แต่พอพนักงานเปลนำสามีเข้าไปในห้องฉุกเฉิน และกำลังเคลื่อนย้ายตัวสามีให้ไปอยู่บนเตียงเปลรถเข็นแบบปรับระดับกึ่งนั่งกึ่งนอน จังหวะนั้นไม่ทราบว่ามีงูเขียวหางไหม้เข้ามาอยู่ในรถเข็นเตียงผู้ป่วยได้อย่างไร จากนั้นงูดังกล่าวก็ฉกกัดเข้าที่ข้อพับแขนขวาสามี จนร้องออกมาด้วยความตกใจ ขณะนั้นพนักงานเปล แพทย์ และพยาบาลที่อยู่ในห้อง กลับพากันตกใจวิ่งหนีออกไปนอกห้อง ปล่อยสามีทิ้งไว้ ต้องร้องด้วยความเจ็บปวดและตะโกนให้แพทย์ พยาบาล เข้ามาช่วยเหลือ


กระทั่งเวลาผ่านไปนาน ทุกคนจึงจะมีสติ


"กระทั่งเวลาผ่านไปนานพอสมควร พนักงานเปลจึงได้สติ แล้ววิ่งเข้ามาในห้องใช้ไม้กวาดตีงูจนตาย จากนั้นก็เก็บซากงูใส่ถุงพลาสติก และนำสามีขึ้นรถพยาบาลนำส่ง รพ.พหลพลพยุหเสนา ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยบอกว่าที่โรงพยาบาลไม่มีเซรุ่มแก้พิษงู” นางพนิดา กล่าว


นางพนิดา กล่าวอีกว่า หลังจากสามีถูกส่งตัวมาถึง รพ.พหลพลพยุหเสนา เจ้าหน้าที่ รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล ก็เดินทางกลับไป

ต่อมาแพทย์ฉีดยาเซรุ่มให้ 3 ขวด พร้อมบอกว่าหากภายใน 3 วัน สามีของตนไม่มีเลือดออกตามร่างกายก็จะรอดชีวิตได้ แต่สามีอยู่รักษาตัวใน รพ.พหลพลพยุหเสนา จนถึงเวลา 17.00 น. วันที่ 4 กันยายน สามีก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ทั้งทางปากและจมูก ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลา 18.00 น. 

"หลังจากสามีเสียชีวิตแล้วได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลไปทั้งหมด มีตำรวจมาพิมพ์ลายนิ้วมือ และชันสูตรพลิกศพลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จึงนำศพกลับบ้านมาตั้งบำเพ็ญกุศล กระทั่งวันนี้ทราบว่า รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล ส่งแฟกซ์มามีข้อความว่า จะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของสามีทั้งหมด ทาง รพ.พหลพลพยุหเสนา จึงตอบกลับไปว่า ผู้ป่วยเสียชีวิต รวมทั้งได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดแล้ว และญาติได้นำศพกลับไปบ้าน" นางพนิดา กล่าว


นางพนิดา กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุก็รู้สึกเสียใจ


ที่ทาง รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล ไม่ใส่ใจต่อการเกิดเหตุร้ายในโรงพยาบาลเลย ปล่อยคนไข้ทิ้งไว้ที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา จนเสียชีวิตโดยไม่มีการเข้าไปดูแล จึงอยากให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาตรวจสอบ ให้ความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กันยายน นางพนิดา ภรรยาของนายวสันต์ กล่าวชี้แจงถึงเรื่องการดูแลและความช่วยเหลือของ รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล หลังสามีเสียชีวิต ว่า

หลังจากนำศพสามีกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้าน เป็นเวลา 3 วัน ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเดินทางมาติดต่อแต่อย่างใด กระทั่งวันนี้ทางโรงพยาบาลติดต่อมา ทั้งนี้ อยากให้ รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล เข้มงวดในการให้บริการประชาชนที่เข้าไปใช้บริการ โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย น่าจะมีการดูแลระบบการจัดการให้ดีกว่านี้ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดกับผู้ป่วยรายอื่นๆ อีก
 

ขณะที่ นางจินดาวรรณ พรหมศิริพัฒน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล กล่าวชี้แจงว่า

สาเหตุที่มีงูเขียวหางไหม้กัดผู้ป่วยเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ทั้งนี้ หากพนักงานเห็นงูก่อนคงไม่เกิดเหตุเช่นนี้ ส่วนความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ญาติผู้เสียชีวิต ผู้บริหารของโรงพยาบาลยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่ได้ติดต่อไปยังภรรยาของผู้เสียชีวิตว่าจะขอเป็นเจ้าภาพในพิธีสวดพระอภิธรรมศพกระทั่งเสร็จงาน ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิตก็ตอบรับแล้วเช่นกัน
 

งูเขียงหางไหม้นั้น วันเดียวกัน นพ.ชำนิ จิตตรีประเสริฐ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาและสนับสนุนเครือข่ายวิชาการ สำนักพัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า

งูเขียวหางไหม้พิษจะมีผลต่อระบบเลือด ทำให้เลือดไม่แข็งตัวและมีเกล็ดเลือดต่ำ ทั้งนี้ หลังถูกกัดผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะมีอาการพิษงูเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนกรณีผู้ป่วยที่ถูกงูเขียวหางไหม้กัดและเสียชีวิตรายนี้เป็นเรื่องที่พบได้น้อย และน่าจะเกิดจากผู้ป่วยมีภาวะโรคเดิม คือ มะเร็งตับระยะสุดท้าย ซึ่งมีปัญหาเลือดออกง่ายอยู่แล้ว เมื่อถูกงูเขียวหางไหม้กัดจึงทำให้พิษกระจายได้และมีความรุนแรงเกินกว่าปกติ เพราะโดยปกติในคนปกติทั่วๆ ไป หากถูกงูเขียวหางไหม้กัด หากได้รับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและฉีดเซรุ่มทันจะไม่เสียชีวิต


ขณะที่ นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าวว่า

งูเขียวหางไหม้เป็นงูมีพิษต่อระบบเลือด ถือเป็นงูพิษร้ายแรง ทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้น ในช่วงหน้าฝนขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังงูพิษเนื่องจากมีน้ำท่วมขัง งูมักอพยพไปอาศัยอยู่ในที่สูง บนอาคารบ้านเรือน หากถูกงูกัดควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการวินิจฉัยว่างูที่กัดมีพิษหรือไม่ หากเป็นงูมีพิษแพทย์ก็จะฉีดเซรุ่มแก้พิษงูให้ และถ้ามีซากงูก็ให้นำไปด้วย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์