บังเอิญจนเหลือเชื่อ! คนร้าย-ผู้เสียหาย เอาทองขาดครึ่งมาขายร้านเดียวกัน หลังเพิ่งกระชากมาหมาดๆ

วันที่ 18 ต.ค. ร.ต.ท.ภีระพัฒน์ แก้วดำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับแจ้งมีคนร้ายนำทองที่วิ่งราวมาจากผู้เสียหาย เข้ามาขายที่ร้านทองห้างทองจินดา ตั้งอยู่เลขที่ 157 ย่านถนนทุ่งเสา 2 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ แต่มาเจอผู้เสียหายโดยบังเอิญ จึงวิ่งหลบหนีไป จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.อ.ณรงค์ สุวรรณรัตน์ รอง สว.สส. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน

ที่ร้านทองดังกล่าวพบนางผิวพรรณ ตันยะกุล อายุ 31 ปี ผู้เสียหาย ยืนรอพบเจ้าหน้าที่พร้อมกับเจ้าของร้าน พร้อมเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาขณะที่ตนกำลังขี่รถจยย.มาซื้อของ ก็ถูก 2 คน ร้ายขี่รถจยย.มากระชากสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง จนขาดเป็น 2 ท่อน โดยคนร้ายได้ไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนอยู่กับตน เหตุเกิดใกล้บ้านพักบริเวณถนนร่วมพัฒนา หลังห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า เขตเทศบาลเมืองคอหงส์ จากนั้นตนจึงนำสร้อยคอทองคำที่เหลือมาเปลี่ยนใหม่ที่ร้านทองแห่งนี้

ระหว่างนั้นก็มีชายคนหนึ่ง นำสร้อยคอทองคำที่ขาดเหลือเพียงครึ่งเดียวมาเปลี่ยนใหม่เช่นกัน ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร จากนั้นเมื่อนำทองขึ้นชั่งบนตราชั่งอันเดียวกัน ปรากฎว่าเป็นทองลายเดียวกัน และข้อต่อที่ขาดเข้ากันได้พอดี จึงทำให้ตนจำได้ว่าน่าจะเป็นสร้อยคอของตนที่ถูกคนร้ายกระชากขาดไป แต่พอสอบถามชายคนดังกล่าวก็อ้างว่า ตัวเองเป็นพนักงานเทศบาลเมืองคอหงส์ และเก็บได้ในถังขยะเมื่อคืนที่ผ่านมา หากไม่เชื่อก็จะไปตามพ่อมายืนยัน ซึ่งทางเจ้าของร้านก็ยืนยันว่าทองเส้นดังกล่าวเป็นทองเส้นเดียวกัน จนทำให้ชายคนดังกล่าวเริ่มลุกลี้ลุกลน พร้อมกับพยายามเดินหนีออกจากร้านทอง

จังหวะนั้นสามีเจ้าของร้านทองซึ่งเป็นทหารเห็นท่าไม่ได้จึงมายืนกันชายคนดังกล่าวไว้ เพื่อรอให้ตำรวจมาก่อน แต่ชายคนดังกล่าวฉวยจังหวะวิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยข้างร้านทอง โดยทิ้งรถจยย.ซูซูกิ สกายไดร์ สีแดงขาย หมายเลขทะเบียน งจค 668 สงขลา เอาไว้หน้าร้านทอง

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตวรจค้นที่รถจยย.คันดังกล่าว พบเอกสารผู้ครอบครองชื่อ นายมงคล ไชยคีรี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ซอยชุมชนบ่อนไก่-ท่ายาง ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเมื่อเทียบเคียงกับชายต้องสงสัยจากภาพกล้องวงจรปิดภายร้านทอง พบว่ามีลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งทางตำรวจฝ่ายสืบสวนจะเชิญตัวมาสอบสวนอีกครั้งว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ หากพบว่าเป็นคนเดียวกัน ก็จะส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ ผู้เสียหายและเจ้าของร้านทอง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันบังเอิญจนน่าเหลือเชื่อ และแทบเกิดขึ้นได้ยากมาก ทั้งคนร้ายและผู้เสียหายมาพบกันในร้านทองเดียวกันและเวลาเดียวกัน เพราะร้านทองในหาดใหญ่มีหลายสิบแห่ง หากคนร้ายนำไปขายที่อื่นก็ไม่มีใครจับได้ หรือถ้ามาที่ร้านทองแห่งนี้คนละเวลากันก็จะไม่เจอกับเจ้าของ และอาจจะขายทองได้เงินไปใช้ง่ายกว่านี้