สำหรับพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ยอดพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีขนาดความกว้าง 1.20 เมตร สูง 5.10 เมตร น้ำหนัก 80 กิโลกรัม เป็นฉัตรขาว 9 ชั้น แต่ละชั้นของฉัตรมีระบายขลิบทองแผ่ลวด 3 ชั้น โดยชั้นล่างสุดห้อยอุบะจำปาทอง ปลียอดฉัตรเป็นทรงองค์ระฆังต่อด้วยบัวกลุ่ม ปลียอดฉัตรทำด้วยทองเหลืองกลึงปิดทอง
วันเดียวกัน ที่ศูนย์สื่อมวลชน พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (กอร.พระราชพิธีฯ) แถลงพระราชพิธียกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรประดับยอดพระเมรุมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยมีน.ส.ศุภร รัตนพงศ์ รองอธิบดีกรมศิลปากร และนายพรพิทักษ์ แม้นศิริ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมให้ข้อมูล
น.ส.ศุภร รัตนพงศ์ รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การจัดสร้างพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ประดับยอดพระเมรุมาศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนั้น ขณะนี้เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการออกแบบพระนพปฎลมหาเศรฉัตรนำต้นแบบจากพระเมรุมาศ รัชกาลที่ 6 และพระเมรุมาศ รัชกาลที่ 8 โดยดำเนินการจัดสร้างตามแบบโบราณราชประเพณีที่ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ ตามความหมายคือ นพ แปลว่าเก้า เศวต แปลว่า ขาว ส่วนฉัตรคือร่มขาวที่กางทั้งหมด 9 ชั้นโดยการจัดสร้างนพปฎลมหาเศวตฉัตรครั้งนี้มีความพิเศษคือมีขนาดใหญ่
ซึ่งลักษณะของการทำฉัตร จัดทำด้วยผ้าเบาทิ้งตัวสีขาวมีขลิบทองรวม 3 ชั้น โดยนำผ้า 3 ผืนมาล้อมโครงในการขลิบทองเส้นขลิบของฉัตรชั้นล่าง มีความหนาที่สุดและแขวนประดับด้วยจำปา 14 ช่อห้อยลงมาให้เกิดความสวยงาม ที่สำคัญที่บริเวณส่วนยอดของฉัตรดำเนินการตามแบบโบราณราชประเพณี คือนพปฎลมหาเศวตฉัตรต้องมีลักษณะเป็นทรงองค์ระฆังจากนั้นเป็นบัวกลุ่ม คั่นด้วยลูกแก้ว บัวกลุ่มต่อด้วยปลีปลาย เป็นโลหะทองแดง กลึงรับ เพื่อต่อสายล่อฟ้าด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดสร้างครั้งนี้มีการใช้ตาข่ายพลาสติก ใส่ไว้ในโครงสร้างเพื่อเวลาที่ฉัตรเจอลมแล้วจะไม่ยุบช่วยทำให้การเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติและ ยังสามารถกลับมาอยู่ที่เดิมและไม่เป็นสนิม
สำหรับพิธียกนพปฎลมหาเศวตฉัตรในวันพรุ่งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธาน โดยการยกตัวฉัตรทั้งหมด จะต้องประกอบแกนฉัตรเป็นเหล็กและมีก้านออกไปเหมือนร่ม การติดตั้งฉัตรต้องสลักเข้าเดือยให้แน่นหนามีความแข็งแรงสูงสุด โดยเฉพาะปลายฉัตรที่จะต้องทำหน้าที่เป็นสายล่อฟ้า จึงต้องใช้โลหะทองแดงกลึงที่บริเวณส่วนปลายและจะมีสายทิ้งดิ่งยังข้างล่าง โดยดำเนินการไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่การยกฉัตรนั้นจะต้องใช้ความระมัดระวัง สายทิ้งดิ่งจะตกไม่ได้ ช่างจะต้องผูกลวดทองแดงเก็บไว้ เมื่อใส่ฉัตรเข้าไปแล้วจะเชื่อมกับสายทองแดงนี้พอดี และยังต้องกันไม่ให้น้ำไหลผ่านตรงส่วนร่องตกมาที่ฝ้า ซึ่งช่างได้ทำสังกะสีกันน้ำฝนไว้ เพื่อไม่ให้น้ำจะรั่วซึมเข้าไปสู่พระเมรุมาศ
"เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา และในวันนี้เวลา 17.00 น. จะมีการซ้อมยกฉัตร โดยใช้การวางสลิง แขวนฉัตรบริเวณลานด้านหน้าพระที่นั่งฝั่งทรงธรรม หมุนสลิงผ่านลอกหมุนกว้านขึ้นไปข้างบนเมื่อวัดระยะความสูงของยอดพระเมรุมาศกับองศาแนวเอียงรวมกันประมาณกว่า 100 เมตร ซึ่งด้านบนจะมีผู้คอยประคองฉัตรและติดตั้งเชื่อมสลักป้องกันไม่ให้ฉัตรหมุนจนเสร็จสมบูรณ์" รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าว
สำหรับการจัดการจราจรในพิธียกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรยอดพระเมรุมาศ จะปิดการจราจรถนน 4 สาย ได้แก่ ถนนราชินี ตั้งแต่แยกผ่านพิภพ ถึงตัดถนนพระอาทิตย์ ถนนหน้าพระธาตุ ตั้งแต่ตัดถนนราชินี ถึงแยกพระจันทร์ ถนนพระจันทร์ ตั้งแต่แยกพระจันทร์ ถึงตัดถนนมหาราช และถนนมหาราช ตั้งแต่ตัดถนนพระจันทร์ถึงแยกท่าเตียนโดยจะทำการติดตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. ในเวลา 15.00 จนเสร็จสิ้นพิธี
นายพรพิทักษ์ แม้นศิริ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีประชาชนเข้าร่วมชมการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จำนวนมาก และพบว่ามีการนำร่มหลากสีเข้ามาในพื้นที่ จึงขอความร่วมมือประชาชน ที่จะเข้าร่วมชมการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในวันที่ 21 ต.ค. ควรใช้ร่มสีดำหรือสีที่เข้มใกล้เคียงสีดำ ทั้งในการร่วมชมการซ้อม ริ้วขบวน และในวันพระราชพิธีจริง เนื่องจากเป็นสีที่มีความเหมาะสม และเป็นการถวายพระเกียรติยศอย่างสูงสุด รวมถึงภาพในวันงานดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดออกไปทั่วโลกด้วย
นอกจากนี้ เมื่อริ้วขบวนเคลื่อนผ่านหรือมีพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินร่วมในริ้วขบวนผ่านด้านหน้า ขอความร่วมมือประชาชน อยู่ในอาการสำรวม เพื่อถวายพระเกียติยศอย่างสูงสุด และให้เกิดความสง่างาม