ครบ 1 ปี การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอย้อนเรื่องราวประสบการณ์และความในใจของแพทย์ผู้ถวายงานแก่พระองค์ ซึ่งเปิดเผยไว้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ในงาน "ศิระกรานพระภูมิบาลนวมินทร์"
ศ.พิเศษ นพ.สรรใจ แสงวิเชียร ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และอดีตหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล บรรยายในหัวข้อ "พระสถิตในดวงใจตราบนิรันดร์" ตอนหนึ่งว่า ตนไม่เคยรับใช้งานใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงขอถ่ายทอดในฐานะเป็นพสกนิกรคนหนึ่งของพระองค์ ซึ่งตนเป็นคน 3 แผ่นดิน ในช่วงวัยเด็กมีโอกาสติดตามคุณพ่อเฝ้ารับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 8และสมเด็จพระอนุชา ที่ตึกกายภาคศาสตร์หลังเก่า รพ.ศิริราช ครั้งที่ทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์หรือมหาวิทยาลัยมหิดลในปัจจุบัน
ในปี 2538 จดจำได้ว่าครั้งที่ในหลวงรัชกาลที่9ทรงพระประชวรพระหทัยตีบ เข้าประทับรักษาณ รพ.ศิริราช เมื่อประชาชนเห็นภาพเปลคนไข้และมีสายน้ำเกลือสองสายที่พระวรกาย ประชาชนต่างร้องไห้ ซึ่งการรักษาในครั้งนั้นได้ผลดี และช่วงเวลาที่ทรงประทับรักษาพระวรกายในครั้งนั้น พระองค์ก็ยังทรงงานนำมาสู่โครงการถนนคู่ขนานลอยฟ้า
ศ.พิเศษ นพ.สรรใจ แสงวิเชียร ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และอดีตหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
"ในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 มีข่าวลือออกมาและประชาชนเดินทางมายังรพ.ศิริราชจำนวนมาก ตอนนั้นยังไม่มีแถลงการณ์ออกมา ประชาชนหลายคนตะโกนว่าไม่จริง ผมได้ยินแล้วรู้สึกตัวชา แต่ผมต้องเดินไปตึกกายวิภาคศาสตร์ เตรียมน้ำยา และรอเวลาถูกเรียก จนเวลา 16.30 น. ก็ถูกเรียกตัวขึ้นไปบนอาคาร รอจนสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ แล้วจึงกราบพระบาทและเริ่มปฏิบัติภารกิจในเวลา 19.30น. เสร็จสิ้นเวลา 20.30น."ศ.พิเศษ นพ.สรรใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้า
ศ.พิเศษ นพ.สรรใจ ฝากในตอนท้ายว่า ในช่วงเวลานับจากนี้คนไทยควรต้องทำความดี อะไรก็ได้ที่เป็นความดีเพื่อถวายพระองค์ท่าน และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9