เปิดใจ2แพทย์ตัวอย่าง เสี่ยงภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

ภาคภูมิใจได้ช่วยเหลือชาวไทยด้วยกัน


สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ทำให้ขาดแคลนบุคลากรในหลายด้านที่จะมาช่วยกันดับไฟใต้ เพราะถือว่าพื้นที่นี้เสี่ยงต่อชีวิตเป็นอย่างมาก แต่บุคลากรที่ขาดไม่ได้นั่นคือ บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่ และผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกลอบทำร้ายโดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี
 
สำหรับแพทย์ผู้ลั่นวาจาที่สละเวลา และชีวิต เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นแพทย์ตัวอย่างในพื้นที่ภาคใต้ ประจำปี 2550 ของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.)

ซึ่งผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ จนเห็นบทบาทที่โดดเด่นที่สุดทั้งประวัติการทำงาน ผลงานทางการแพทย์ ความกล้าหาญ การอุทิศตนเพื่อผู้ป่วยและสังคม จนได้รับการยกย่องและคัดเลือกให้เป็นแพทย์ตัวอย่างของภาคใต้ คือ แพทย์หญิงภัททิรา ทางรัตนสุวรรณ  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี อ.สายบุรี  จ.ปัตตานี และ นายแพทย์ประชา ชยาภัม นายแพทย์ 9 หัวหน้ากลุ่มงานศัลย กรรม และผู้อำนวยการศูนย์แพทยศาสตรศึกษา โรงพยาบาลยะลา  อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งถือว่าทั้ง 2 ท่านมีความทุ่มเททั้งกาย และจิตใจเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่แบ่งชาติ ศาสนา มีหลายแง่มุมจากบทบาทของการเป็นแพทย์ที่ทั้งสองได้สะท้อนออกมา ทั้งจุดเริ่มต้นของการเป็นแพทย์ และจุดยืนของการทำงานภายใต้ความรุนแรง รวมทั้งมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยแพทย์หญิงภัททิรา เล่าให้ฟังว่า หลังจากจบแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้บรรจุเข้าทำงานครั้งแรกในตำแหน่ง นายแพทย์ 4 ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี อ.สายบุรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ 2535

กับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี พญ.ภัททิรา เปิดเผยว่า


โชคดีที่ได้ร่วมงานกับทีมงานที่มีคุณภาพ มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันพัฒนาโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนต่างภูมิใจในความเป็นโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช และมีศูนย์รวมดวงใจคือ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกวันนี้โรงพยาบาลเป็นที่ไว้วางใจของชุมชน ภารกิจตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ จะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชุมชน นั่นเพราะจะเน้นให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหลักศาสนามีการจัดกิจกรรมตามประเพณีอันดีงามของชาวมุสลิมทุก ๆ ปี ตลอดจนการเข้าร่วมงานประเพณีต่าง ๆ ของชุมชนทั้งชุมชนไทยพุทธ ไทยมุสลิมและชาวไทยเชื้อสายจีนอย่างสม่ำเสมอ


ในมุมมองเกี่ยวกับความสูญเสียจากเหตุความรุนแรงในภาคใต้โดยเฉพาะชีวิตผู้บริสุทธิ์

รู้สึกหดหู่ใจและเห็นใจครอบครัวของผู้สูญเสีย อยากให้กำลังใจทุกคนไม่ว่าจะเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกทำร้าย ได้แต่หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นและสันติสุขจะกลับมาอีกครั้ง และแม้จะยังไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ในอนาคตได้ แต่ยังไม่คิดที่จะย้ายออกนอกพื้นที่ เหตุผลสำคัญ คือ ยังมีความสุขในการทำงานที่นี่ โดยยึดคติ “ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด  ด้วยความตั้งใจและทุ่มเท ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล” พญ.ภัททิรา กล่าว
 
ขณะที่ นายแพทย์ประชา เล่าว่า

สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย เมื่อปี 2524 กับการทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตนเคยเป็นศัลยแพทย์ประสาทสมองคนเดียวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้มา 13 ปี ตามจริงแล้ว มีความคุ้นเคย เพราะครอบครัวเคยอยู่ที่ จ.ยะลา ตั้งแต่อายุได้ 2 ขวบ มีความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านเกิด พบเห็นความขัดแย้ง ความอยุติธรรม การสู้รบมาตั้งแต่บัดนั้น แต่หลังกลับเข้าพื้นที่อีกครั้งเมื่ออายุ 33 ปี มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างโดยเฉพาะโรงพยาบาลยะลา ที่ชาวบ้านเรียกว่าโรงฆ่าสัตว์ในอดีต กลับกลายมาเป็นโรงพยาบาล ชั้นแนวหน้าในภาคใต้ เป็นพี่ใหญ่ที่พึ่งพิงของน้อง ๆ ใน 3 จังหวัด
 
นพ.ประชา มองอนาคตของการทำงานของตัวเองว่า การที่จะอยู่ในที่หนึ่งที่ใดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้หลายอย่าง

ที่สำคัญที่สุดคือ ความมั่นคงในชีวิต รองลงมาคือปัจจัยสี่ การประกอบอาชีพ การได้รับการยอมรับ   ในสังคม และด้านอื่น ๆ ซึ่งรวมกันแล้ว จะเป็นตัวประกอบในการตัดสินใจว่าจะอยู่ที่ใด ถ้าพูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบันความน่าอยู่ลดลง    เรื่อย ๆ ถ้ายังอยู่ในภาวะเช่นนี้ สักวันหนึ่งก็คงจะอยู่ไม่ได้ นายแพทย์ประชา กล่าวและว่า ขอฝากถึงแพทย์รุ่นน้องว่า ภาพลักษณ์ของแพทย์เริ่มตกต่ำ มีการฟ้องร้องค่อนข้างสูง อยากจะให้ช่วยกันรักษามาตรฐานของวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นเกราะคุ้มกันตัวเราเอง เชื่อว่าวิชาชีพแพทย์คงไม่อดตาย แต่จะร่ำรวยเหมือนอาชีพอื่นไม่ได้
 
“แพทย์” ถือเป็นวิชาชีพที่เสียสละเป็นอย่างมาก และยิ่งลงไปในพื้นที่เสี่ยงภัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยิ่งน่ายกย่องเหมือนกับทหาร ตำรวจ ครู และข้าราชการหน่วยอื่นที่พยายามช่วยกันดับไฟใต้อยู่ใน ขณะนี้.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์