เมื่อ วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพมหานคร สมาคมศิลปินแห่งประเทศไทย ได้จัดงานมอบโล่เกียรติคุณแก่ผู้บุคคลดีเด่น โล่เกียรติคุณคุณแม่ดีเด่นโล่เกียรติคุณลูกกตัญญู ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ทั้งนี้ภายใต้วัตถุประสงค์คือ 1. เพื่อให้ผู้เป็นลูกระลึกถึงพระคุณของแม่ 2. เพื่อเปิดโอกาสให้แม่ ลูก ได้แสดงออกความรักต่อกัน เชื่อมความสัมพันธ์ สายใยแม่ลูก 3. เพื่อส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกให้เกิดความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี และ 4.เพื่อเป็นการเผยแพร่ สร้างกำลังใจและเชิดชู เกียรติคุณบุคคลที่ได้ทำงานเพื่อสังคม ส่วนรวม โดยมี หม่อมหลวงปราลี มาลากุล ประสมทรัพย์เป็นประธานในพิธี
สมาคมศิลปินแห่งประเทศไทย มอบโล่เกียรติคุณรางวัล หนึ่งความดีเพื่อแม่
ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดงานได้พิจารณาคัดสรรบุคคลจากต่าง ๆ ซึ่งมีความเหมาะสมในทุกด้าน ทั้งหน้าที่การงาน วัยวุฒิ คุณวุฒิ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญในการคัดเลือก มีบุคคลในหลากหลายสาขาอาชีพเข้าร่วมพิธี ด้วยภาพที่ประทับใจ ของลูกทุกคน ที่รำลึกถึงพระคุณแม่
เรามาดูข้อคิดดี ๆ จากผู้รับรางวัลบางส่วน
คุณ วันเพ็ญ สารชัยวงศ์ (แม่บ้าน) สาขาแม่ดีเด่น
"เพื่ออนาคตที่ดี คำว่าท้อต้องไม่มี"
ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่เพื่ออนาคตที่ดีของลูก ดิฉันไม่เคยท้อ อาชีพค้าขายทำให้ดิฉันสามารถเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวให้เติบโต แต่การอบรมทางด้านอารมณ์ และความประพฤติที่ดี ดิฉันต้องเป็นผู้หยิบยื่นให้ลูก เพื่อเขาจะได้มีอนาคตที่ดี เป็นคนดีของสังคม เขาเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนมาก เป็นเด็กดี จนปัจจุบันลูกสาวคนนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังหรือเสียใจเลยค่อ ทุกวันนี้เขาได้กลับมาตอบแทนเลี้ยงดูแม่คนนี้จากงานของเขาที่เกี่ยวกับการทำวีซ่าให้เด็กที่จะไปเรียนต่างประเทศ บางครั้งดิฉันก็ไปช่วยเรืองเอกสารบ้าง เป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ บ้าง ความสัมพันธ็และความอบอุ่นระหว่างเราสองคนจึงแน่นแฟ้น เพราะเขาไม่มีช่องว่างระหว่างวัยที่แตกต่างกัน ดิฉันภูมิใจที่ได้ให้น้ำนมจากลูกแก่ลูกสาวคนนี้ เพราะเขาทำให้เห็นว่าคุณค่าของน้ำนมที่ดิฉันได้ให้แก่เขานั้นไม่เสียเปล่าเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ
คุณรพีพร ธวัชวดีวงศ์ (เจ้าของกิจการ รพีพรเนิร์สเซอรี่ และทำกระจกอลูมิเนียม ) สาขา แม่ดีเด่น
"แม่เป็นส่วนหนึ่งของปัจจุบัน ย่อมมีผลผลต่ออนาคตของลูก"
วิธีการอบรมดูแลลูก 2 คน จะต้อง ให้เหมาะสมกับวัยของแต่ละคนค่ะ อย่างคนโต อายุ 21 ปี เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีที่ 3 ดิฉันจะสอนเรื่องการคบเพื่อน การเข้าสังคมวางตัวอย่างไรให้เป็นที่รักของทุกคน และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ลูกคนโตจึงเป็นนักกิจกรรมและ ชอบงานด้านอาสาสมัคร ส่วนคนเล็ก อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 ก็จะให้เขาช่วยงานแม่ที่เนิร์สเซอรี่ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหมาะสมกับวัยของเขา เพื่อเป็นการฝึกให้เขามีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และคอยแนนำให้เขารู้จักใช้ประโยชน์จากโซเซียลมีเดีย ให้เป็นค่ะ
คุณนภัสนันท์ กมลสิทธิพันธุ์ (แม่บ้าน) สาขา ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น และสังคมส่วนรวม
"มั่นใจในหลักธรรม ผลของการทำดี"
ด้วยดิฉันเป็นแม่บ้านไม่ได้มีอาชีพการงานที่ต้องทำ เลยมาคิดว่าเราจะทำเวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร จึงตั้งปณิธานว่าเราจะช่วยเหลือสังคม เพราะเชื่อมั่นอย่างมากว่าถ้าทำดีย่อมจะได้รับความสุข ซึ่งเมื่อในปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ ดิฉันจึงได้เดินเรื่องขอรับบริจาคจากผู้คน และหน่วยงานอื่น ๆ รวมถึงทำอาหาร เพื่อไปแจกจ่ายให้ผู้ที่เดือดร้อน โดยตั้งเป็นศูนย์อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ดิฉันทำตั้งแต่เช้าจนถึง 3-4 ทุ่ม โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ รับรู้แต่ว่าใบหน้าของดิฉันมีแต่รอยยิ้มที่เกิดจากความสุขจากการได้ช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดือดร้อน ทุกวันนี้ถ้าหากสังคมเดือดร้อนดิฉันจะรีบเข้าไปช่วยเหลือทันที เพราะดิฉันได้รู้แล้วว่ามีความสุขจริง ๆ เป็นไรค่ะ
พ.ต.ท.พัฒนา สัมมาทิตฐิ (สารวัตรจราจรสถานีตำรวจนครบาล สมเด็จเจ้าพระยา) สาขา ผู้ทำประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ
"เพียรละความชั่ว ประกอบความดี มีใจแกล้วกล้า"
แม้ผมจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวชาวนา แต่ด้วยควาที่พื้นฐานจิตใจเป็นคนที่มีจิตอาสา เมื่อผมเห็นประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนอย่างเรื่องของน้ำที่ขาดแคลน ทำให้ประชาชนขาดน้ำใช้ในการดำรงชีพ ซึ่งตามประสาของผมที่รู้ว่าถ้าหากประชาชนเดือดร้อนในเรื่องอะไร ก็ให้ทูลเกล้าถวายฎีกาต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ในตอนนั้นเมื่อปี 2544 ผมยังดำรงตำแหน่งเป็นรองสารวัตร ยศร้อยตำรวจตรี ก็ได้ทูลเกล้าถวายฎีกาถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ถึงพระราชทานโครงการที่ชื่อว่า "คลองชลประทานกาญจนบุรี อำเภอพนมทวน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ" ทำให้ทุกวันนี้ผืนดินแห่งนี้ และบริเวณใกล้เคียงมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างมาก ด้วยเพราะพระเมตตาจากพระองค์ครับ