10 ปีบนเส้นทางค้ายา แม่ค้าหมูลูกข่ายภาพ70 ไร่

ตลอด 10 ปีที่แม่ค้าเขียงหมูคลองเตยเครือข่ายภาพ 70 ไร่

ลักลอบค้ายาบ้าควบคู่ไปด้วย ทำให้ชีวิตดีขึ้นตามลำดับ แต่ความผิดก็ถูกปกปิดได้ไม่นาน สุดท้ายก็หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น
"ทางไปสวรรค์รก ทางไปนรกเตียน" ปาฐกถาธรรมอันหมายถึง ความดีนั้นคนชั่วทำได้ยาก ส่วนความชั่วนั้นคนชั่วทำได้ง่าย ซึ่งตรงกันข้ามกับคนดี  เฉกเช่นเดียวกับ "วริศรา ลาภเจริญ" วัย35 ปี ที่หันหลังให้อาชีพแม่ค้าขายหมูตลาดคลองเตยมาเดินอยู่บนเส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยการลักลอบค้ายาบ้าในเครือข่าย "ภาพ 70 ไร่"

วริศราอาศัยอยู่ในชุมชน70 ไร่ คลองเตย กทม.มาตั้งแต่ปี 2539

ประกอบอาชีพขายหมูในตลาดคลองเตย แต่แล้วจากสามัญชนทำมาหาเลี้ยงชีพโดยสุจริต ชีวิตจำต้องผลิกผันให้มาเดินอยู่บนถนนสายผิดกฎหมาย เมื่อได้รับการชักชวนให้หันมาค้ายาบ้าควบคู่ไปด้วย โดยรับยาบ้ามาจากเครือข่ายของ "สยาม ทรัพย์วรสิทธิ์" หรือ "สุภาพ สีแดง" เอเย่นต์ยาบ้ารายใหญ่ที่รู้จักกันดีในนาม "ภาพ 70 ไร่"


การทำธุรกิจผิดกฎหมายของวริศราไม่เป็นที่สะดุดตาของทางการ

ต่างจากพรรคพวกเพื่อนฝูง ไม่ว่าจะเป็น "ตี๋" ที่ถูกตำรวจวิสามัญ "ปู" ถูกจับติดคุกอยู่ที่เรือนจำสมุทรปราการ "ด๊ะ" ถูกจองจำที่เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อนคนแล้วคนเล่าถูกตำรวจจับ ถูกวิสามัญฆาตกรรม ยกเว้นวริศรา เธอไม่มีประวัติอาชญากร ไม่เคยต้องคดีใดๆ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา กระทั่งปี 2549 จึงย้ายออกจากคลองเตยมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 101


การค้ายาเสพติดเป็นการลงทุนน้อยแต่ผลตอบแทนมหาศาล 

หากสามารถควบคุมความเสี่ยงเอาไว้ได้ วริศรารู้ดี เมื่อย้ายออกจากคลองเตยจึงเปลี่ยนจากค้ายาบ้าหันมาค้ายาไอซ์ให้กลุ่มคนมีตังค์ ประสบการณ์บนเส้นทางผิดกฎหมาย 10 ปี เพียงพอให้เธอมีเครือข่ายของตัวเอง จึงรับยาไอซ์จากชาวเขมรบริเวณชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว มาจำหน่าย

เดือนพฤษภาคม2550 วริศราแยกทางกับสามี

แล้วย้ายมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 57 แขวงอนุสาวรีย์ชัย เขตบางเขน กทม.ที่นี่เองวริศราได้กลับไปติดต่อพ่อค้ายาเสพติดในชุมชนแออัดคลองเตยอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน ในแต่ละเดือนบัญชีเงินฝากของวริศรามีความเคลื่อนไหวในแง่บวกอยู่อย่างต่อเนื่อง มีเงินหมุนเข้าหมุนออกครั้งละมากๆ ผิดไปจากแม่ค้าหมูทั่วไปพึงจะมีและเป็นได้

การกลับมาข้องแวะกับยาบ้าอีกครั้งของวริศรานี่เองที่ต่อมามันได้กลายเป็นจุดจบของเธอ 

โดยต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สายข่าวของ ด.ต.ศุภกิจ จรรยางามสกุล ผบ.หมู่งานสืบสวน ศสส.บช.น.ระแคะระคายเกี่ยวกับธุรกิจค้ายาบ้าของวริศราจึงรายงานให้ ด.ต.ศุภกิจ ทราบว่ามีเอเย่นต์ค้ายาบ้ารายใหญ่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่โชคชัยและบางเขน รายงานนี้ถูกส่งต่อไปยัง พ.ต.อ.ปรีชาธิมามนตรี รองผบก.ศสส.บช.น.
พ.ต.อ.ปรีชาสั่งการให้ พ.ต.อ.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ผกก.ศสส.บช.น. และ พ.ต.ท.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผกก.ศสส.บช.น.จัดชุดสืบสวนติดตามสะกดรอยเป้าหมาย ซึ่งกินเวลาเกือบ 1 เดือน กว่าที่ ร.ต.อ.สมบูรณ์เศรษฐ์ ชูช่วย และ ร.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน พร้อมชุดสืบสวนจะประสบความสำเร็จเอาเมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา


"ผมติดต่อขอซื้อยาไอซ์จากเป้าหมายได้ 30 กรัม ราคา 2,000 บาทครับ" 

สายลับแจ้งผลการปฏิบัติงานให้ชุดสืบสวนได้รับทราบและรับฟังแผนการจับกุมจากชุดสืบสวนอีกคำรบหนึ่ง 
ลานจอดรถศูนย์สรรพสินค้าแห่งหนึ่งเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.เวลาบ่าย 2 โมงตรง วันที่ 1 กันยายน คือ วัน เวลา และจุดนัดพบ


เมื่อถึงเวลานัดหมายกำลังชุดสืบสวนกระจายอยู่โดยรอบ

สังเกตเห็นรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีเทา ทะเบียน สณ 342 กรุงเทพมหานคร ทุกคนจำได้แม่นยำเพราะได้เฝ้าติดตามดูพฤติการณ์เสียจนชินตา ชุดสืบสวนให้สัญญาณสายลับรู้ตัวล่วงหน้า ก่อนจะกรูเข้าจับกุมเป้าหมายไว้ได้ เธอไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นวริศราอดีตแม่ค้าขายหมูผู้เลือกทางเดินผิดนั่นเอง
บัดนี้เมื่อตกอยู่ในความควบคุมของตำรวจศสส.บช.น.วริศราถึงกับหน้าถอดสีและยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา 


หญิงสาวบอกว่ารับยาบ้ามาจาก"โอ" 

เอเย่นต์ยาบ้าที่เธอเองก็ไม่รู้ชื่อและนามสกุลจริง โดยนัดหมายให้ไปรับยาบ้าที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี ในราคามัดละ 1.6 แสนบาท แล้วนำไปจำหน่ายให้ลูกค้าในเขต กทม.ในราคามัดละ 2 แสนบาท จากนั้นลูกค้าจะนำไปขายต่อในราคาเม็ดละ 300 บาท 

ใช่แล้ว ! ปัจจุบันนี้ราคายาบ้าแพงเสียยิ่งกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก
 

ส่วนยาไอซ์นั้นวริศราเดินทางไปซื้อมาจากประเทศกัมพูชาราคากรัมละ2,000 บาท แล้วนำมาขายให้ลูกค้าราคากรัมละ 3,000 บาท บวกกำไรเพิ่มเข้าไปอีก 1,000 บาทต่อกรัม ตกกิโลกรัมละ 1 หมื่นบาท ด้วยเหตุนี้เธอจึงมีชีวิตที่หรูหราฟู่ฟ่ามากกว่าวริศราแม่ค้าหมูมากมายหลายเท่านัก


ทั้งนี้จากการตรวจค้นห้องพักเลขที่ 2402 ชั้น 4 คอนโดมิเนียมในซอยพหลโยธิน 57 ของวริศรา

พบยาบ้า 1.6 แสนเม็ด และยาไอซ์ 145 กรัม ซึ่งมันจะทำเงินให้เธออีกมากโข แต่ถ้าปริมาณยาเสพติดทั้งสองชนิดนี้ถูกกระจายออกไปในตลาดแล้วมันจะมีมูลค่ามากถึง 50.5 ล้านบาทเลยทีเดียว


"ผู้ต้องหากับผู้ส่งของจะไม่เคยพบหน้าค่าตากัน 

จะใช้วิธีติดต่อนัดหมายส่งของกันทางโทรศัพท์ ของกลางที่ยึดได้ครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 16 ล้านบาท แต่ถ้านำยาบ้าไปจำหน่ายเม็ดละ 300 บาท จะมีมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท ส่วนยาไอซ์ก็จะอยู่ที่ 5 แสนกว่าบาท" พ.ต.อ.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช ผกก.ศสส.บช.น.ระบุ


คดีนี้พิสูจน์ให้เห็นสัจธรรมที่ว่า"ทางไปสรรค์รก ทางไปนรกเตียน" ได้อย่างเห็นภาพเสียนี่กระไร


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์