เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายอัษฎาวุธ (ขอสงวนนามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียน กศน. ซึ่งอยู่ที่ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ในฐานะเจ้าบ่าวที่ไม่ได้ไปแต่งงานเจ้าสาววัย 15 ปีที่ตั้งท้อง 5 เดือนที่จ.กระบี่ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า ตนรักเจ้าสาวมาก และยังไม่ได้หนีไปไหนตามที่เป็นข่าว และก่อนเกิดเหตุตั้งใจไปสู่ขอ และพร้อมที่จะแต่งงาน แต่มาถูกกดดันให้หาเงินสินสอดให้ได้ภายใน 2 เดือน เป็นเงินสินสอดจำนวน 3 แสนบาท ทำให้ตนและครอบครัวจึงหาเงินไม่ทัน
เจ้าบ่าววัย17ร่ำไห้ยันรักเจ้าสาววัย15ปีมาก ไม่คิดหนีวิวาห์ แต่หมดปัญญาจริงๆ
ส่วนนางอำพร อายุ 51 ปี และนายเกรียงศักดิ์ อายุ 51 ปี พ่อกับแม่ของเจ้าบ่าว ซึ่งมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับทราบว่าลูกชายได้มีแฟนสาว และตั้งท้อง ต่อมาฝ่ายเจ้าสาวแจ้งให้มาสู่ขอ ตกลงค่าสินสอด 3 แสนบาท หลังจากนั้นได้กลับมาหาเงินเพื่อที่จะแต่งงานในวันที่ 29 ก.ย. 2560 แต่สุดท้ายไม่ได้ไปแต่งงานเนื่องจากหาเงินได้ไม่ครบจำนวนเพราะฐานะยากจน มีรายได้จากรับจ้างกรีดยาวันละ 600 บาท
นางอำพรกล่าวว่า แต่ตนพยายามหาเงินมาได้ 1 แสนบาท เป็นเงินที่เบิกล่วงหน้าที่คนรับซื้อน้ำยาวงพาราที่ตนขายน้ำยางอยู่ และเอารถจยย.เข้าไฟแนนซ์ได้มาจำนวนหนึ่ง ส่วนพ่อเจ้าบ่าวก็ไปเบิกเงินล่วงหน้าจากการที่ไปรับจ้างทำงานตัดไม้ยาง รวมแล้วได้มา 1 แสนบาท เพราะระยะเวลากระชันชิดจึงหาได้เท่านั้น
นางอำพรกล่าวว่า เมื่อติดต่อไปทางฝ่ายเจ้าสาวไม่ยอมท่าเดียว และบอกว่าถ้าไม่ได้เงินอย่างน้อย 1.5 แสนบาทก็ไม่ต้องมาแต่ง ทั้งๆที่ฝ่ายเจ้าบ่าวต่างก็เตรียมพร้อมที่จะไปร่วมงานกันแล้ว และมาถูกสั่งมาว่าถ้าไม่ได้ 1.5 แสนบาทก็ไม่ต้องมางาน จึงต้องยกเลิกไปด้วยความจำเป็น ในส่วนลูกชายของตนก็ไม่ได้หนีไปไหน ยังคงช่วยแม่เก็บน้ำยางรับจ้างอยู่ตามปกติ และพร้อมจะยอมรับผิดถ้าถูกดำเนินคดี