ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่เวทีด้านข้างอาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา วิทยาเขตสตูล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดโครงการเน็ตประชารัฐ โดยมีนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายนิพนธ์ รัตนพิเฎฐชัย ผวจ.สตูล และข้าราชการ นักเรียน ประชาชนประมาณ 2,000 คน ให้การต้อนรับ จากนั้นนายกฯรับฟังผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้านถึงโครงการเน็ตประชารัฐผ่านเว็บคอนเฟอร์เรนซ์จาก 5 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี พะเยา หนองคาย สระแก้ว และกระบี่ ก่อนทำพิธีมอบ Wi-fi แก่ผวจ.กระบี่ และตัวแทนประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ใครที่ต้องการมาประท้วงนั้นไม่ต้องทำ ทั้ง 4-5 กลุ่ม ขอให้ส่งเรื่องมาเดี๋ยวจะดูให้ วันนี้มาสตูลเป็นครั้งแรก เคยมีนายกฯคนไหนมาแล้วบ้าง มีหรือไม่มี คราวหน้าก็เลือกนายกฯ ที่เดินทางไปทุกจังหวัด ไม่ใช่เลือกไปเฉพาะจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง เงินก็ไปลงที่จังหวัดนั้น จังหวัดนี้ก็ไม่ได้ ที่ทำก็ไม่ได้กันทั้งหมด ไม่ทั่วถึง เข้าใจกันหรือยัง
นายกฯ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้า มองอย่างมีวิสัยทัศน์ ผู้สูงอายุบางคนมีรายได้ปีละ 3 ล้านบาท ขอร้องว่าอย่าไปขอรับเบี้ยผู้สูงอายุ ขอให้เสียสละบ้าง แต่คงไปบังคับไม่ได้เพราะประเทศเราเป็นประชาธิปไตย ซึ่งต้องยอมรับว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องดี เป็นการปกครองที่ดี ตนก็ยอมรับถึงแม้จะเข้ามาแบบนี้ก็ตาม แต่ทำอย่างไรให้ประเทศไทยเคารพเสียงส่วนใหญ่ก่อน พร้อมดูแลเสียงส่วนน้อย บางครั้งเสียงส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ดูแลให้ทั่วถึง ดังนั้น ประชาธิปไตยต้องสร้างหลักคิดความเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง จะต้องมีกติกา มีกฎหมาย มีระเบียบในการบริหารประเทศและการปฏิบัติตัวของทุกคน
"กติกาที่ออกมาไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อบังคับใคร เพราะกฎหมายทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียม ทุกคนใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน ไม่ว่าใครจะใหญ่โตขนาดไหน เมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องลงโทษ และขบวนการลงโทษต้องทำให้ชัดเจน รัฐบาลชุดนี้เข้ามาเพื่อให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ทั้งหมดไม่ใช่ผมจะไปบอกว่าใครผิดหรือถูกไม่ได้ ทุกอย่างเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม แม้แต่การประกาศใช้มาตรา 44 ผมต้องนำเรื่องเข้าไปสู่ศูนย์ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่และพิสูจน์ทราบว่าใช่หรือไม่ใช่ ขอร้องว่าอย่าให้ใครมาบิดเบือน วันนี้เราต้องร่วมมือกัน คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ถ้ามัวไปคิดต่อต้านรัฐบาล ต่อต้านการทำงานในเรื่องต่างๆ โดยไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ ประโยชน์ต่างๆก็ไม่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนเอง บางครั้งผมต้องใช้เวลาอธิบายเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ร้อนใจ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวย้ำว่า ปัญหาต้องเริ่มต้นแก้ด้วยตัวเองก่อน บางครั้งบางส่วนต้องยอมเสียสละบ้าง การรวมกลุ่มกันเคลื่อนไหวเรียกร้องนั้นทำได้ แต่ต้องเป็นคนในท้องถิ่นคนของชุมชนอย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้คนอื่นเข้ามาชี้นำ ถ้าปล่อยให้คนนอกเข้ามา ปัญหาก็ยังคงมีอยู่แบบเดิม เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้ค้านทุกเรื่อง เราต้องสร้างความเข้าใจ ซึ่งปัญหาของเราคือเรื่องความขัดแย้ง การเมือง การแบ่งฝ่าย การบิดเบือน การให้ร้ายซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้เป็นอันตรายในช่วงที่เรากำลังมีโอกาส ฉะนั้น เราอย่าไปสร้างวิกฤตขึ้นมาเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯยังสอบถามประชาชนที่มาร่วมงานว่า ได้ไปตอบคำถามตน 4 ข้อหรือยัง ขอให้ช่วยกันไป วันนี้คนไปเขียนเป็นล้านคนแล้ว มากกว่าโพลทุกโพล ตนอ่านมา ไม่ได้เขียนเชียร์ทุกคน มีเขียนด่าตนก็มี แต่ไม่เป็นไร เขามีความคิดเห็นเพิ่มเติม ตนก็พอใจ ตนเอามาปรับแก้ไข เอามาถ่ายทอด หน่วยงานก็รับไป สิ่งสำคัญที่สุดคือคนที่มาเขียนล้านกว่าคนความรู้ระดับประถม ไม่ได้มีความรู้สูง แสดงให้เห็นว่ามีคนสนใจการเมืองที่ถูกต้อง ประชาธิปไตยที่ถูกที่ควร และหลักใหญ่ที่เขาเขียนมา คืออยากให้บ้านเมืองสงบ อยากให้มีการปฎิรูป อยากให้มีธรรมาภิบาล