หนุ่มระยองร้องถูกอดีตพนง.ในบริษัททำร้ายใช้สนับมือต่อยจนต้องควักลูกตาไปหนึ่งข้าง ผ่านมา 8 เดือนคดีไม่คืบหน้า ตำรวจเผยส่งเรื่องฟ้องไปยังศาลตามขั้นตอนแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการของชั้นศาล ขอให้มั่นใจดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายประพันธ์ ราชป้องขัน อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 ม.3 ต.กระเฉด อ.เมือง จ.ระยอง กรณีที่ถูกนายเอส อายุ 25 ปี ทำร้ายจนตาด้านซ้ายแตก แพทย์ต้องควักลูกตาซ้ายออกไป จนกลายเป็นคนพิการสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง ผ่านไป 8 เดือน คดีไม่คืบหน้า
นายประพันธ์ ผู้เคราะห์ร้าย เปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตนต้องสูญเสียดวงตาซ้ายไป เกิดขึ้นเมื่อกลางดึก วันที่ 31 ธ.ค.59 ในงานเลี้ยงของบริษัทในพื้นที่ ต.กร่ำ อ.แกลง จ.ระยอง ที่ตนเองทำงานเป็นพนักงานขับรถอยู่ มีอดีตพนักงานชื่อนายเอส อายุ 25 ปี เข้ามาร่วมงานด้วยจนงานเลิก แต่นายเอสยังคงเปิดเพลงในรถยนต์ส่งเสียงดังรบกวน ตนจึงเดินไปบอกว่างานเลิกแล้วให้ปิดเพลงด้วย เพียงเท่านั้นนายเอสซึ่งอยู่ในอาการเมาได้ปรี่เข้ามาพร้อมใช้สนับมือ ชกเข้าที่ตาซ้ายตนอย่างแรงจนตนล้มลง รู้สึกปวดที่ตาซ้ายมาก และมีเลือดไหลออกมาจำนวนมากจนไม่สามารถเปิดตาซ้ายได้ จึงพยายามพยุงตัวขึ้นเพื่อไปขอความช่วยเหลือกับเพื่อนร่วมงาน เป็นจังหวะที่นายเอสขับรถออกไปทันที
ต่อมาเพื่อนร่วมงานนำตัวส่งรพ.ระยองรักษาบาดแผลทันที ผลการตรวจของแพทย์ระบุว่า ดวงตาซ้ายถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง จนตาดำแตกจำเป็นต้องนำตาดำที่แตกออกทั้งหมด เพื่อป้องกันแผลติดเชื้อ ทางครอบครัวจึงเซ็นยินยอมให้แพทย์รักษาต่อไป
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ผ่านมา 8 เดือน ปัจจุบันตนต้องกลายเป็นคนพิการสูญเสียตาซ้ายไป แผลที่ตาก็ยังมีความเจ็บปวดอยู่บ้างครั้ง มีน้ำตาไหลเป็นประจำ ใช้ชีวิตลำบากมาก แต่ยังโชคดีหลังจากที่บาดแผลดีขึ้นทางที่ทำงานเก่ายังคงให้ทำงานต่อไป จึงยังสามารถมีเงินเลี้ยงดูภรรยาและบุตรที่อายุเพียง 3 ขวบ
"สำหรับการที่เข้าร้องเรียนในวันนี้ อยากขอความเป็นธรรมและสอบถามเรื่องคดีว่าไปถึงไหนแล้ว เพราะที่ผ่านมาไม่ใครติดต่อมาเลย ผมเองต้องเสียค่ารักษาพยาบาลด้วยตัวเอง ผู้ที่กระทำไม่เคยมาเหลียวแล จึงต้องการสอบถามความคืบหน้าเรื่องคดี เพราะผู้ที่ทำร้ายผมยังคงลอยนวลอยู่ในสังคม เสมือนไม่มีความผิด" นายประพันธ์ กล่าว
ด้าน น.ส.รำไพ ราชป่องกัน อายุ 44 ปี น้องสาวผู้เคราะห์ร้าย เปิดเผยว่า ตนเคยไปสอบถามเรื่องคดีกับทางร้อยเวรเจ้าของคดี เพื่อติดตามความคืบหน้า ซึ่งได้รับคำตอบว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย และมีคนมาติดต่อขอไกล่เกลี่ยคดี โดยทางผู้ต้องหาเสนอเงินหลักหมื่นเพื่อขอให้จบเรื่องคดี แต่ทางตนและครอบครัวไม่ยอม เพราะดวงตาข้างหนึ่งของพี่ชายที่ต้องกลายเป็นผู้พิการไป เพราะการกระทำอันโหดเหี้ยม คงต้องการให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และที่มาร้องเรียนก็เพื่อให้มีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา เพราะทางผู้ต้องหามีญาติที่มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงต้องการขอความเป็นธรรม
ขณะที่ พ.ต.อ.วรวุฒิ ชัยเจริญ ผกก.สภ.กร่ำ อ.แกลง ระยอง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ร.ต.อ.จินตศักดิ์ สุขแก้ว ร้อยเสร เจ้าของคดีดังกล่าว ได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย โดยนายเอส อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาเดินทางมามอบตัว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและมีการสอบพยานในที่เกิดเหตุ จนมีการส่งฟ้องศาลไปตามเวลาที่กฎหมายกำหนด
ขณะนี้เรื่องอยู่บนชั้นศาล จะนัดสอบพยานอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จึงขอให้ทางผู้เสียหายสบายใจได้ เพราะทางตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนและมีการดำเนินคดีกับนายเอสในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนอาการสาหัส ส่วนเรื่องค่าเสียหายทางผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางแพ่งได้อีกทางหนึ่ง เพื่อเป็นค่าเสียหาย ก็ขอให้มั่นใจเพราะตำรวจดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา มีการดำเนินการทันทีหลังได้รับแจ้งความ ซึ่งตนก็กำชับให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้ายและรุนแรงเกินกว่าเหตุ