"ปลาบปลื้ม-สร้างขวัญกำลังใจอย่างที่สุด" ให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ เสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมประทับแรมในพื้นที่
เพจเฟซบุ๊ค "เรารัก สมเด็จพระเทพ ฯ : Our Beloved Princess Maha Chakri Sirindhorn" ได้เผยแพร่ภาพข่าวสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่ง ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดสงขลา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ ชุมพร ระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2560 โดยมีข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา ในเวลา 09.10 น.
จากนั้นในเวลา 09.39 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ประจำปีการศึกษา 2559 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ในโอกาสนี้ ได้พระราชทานพระราโชวาทความว่า " ความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมือง ย่อมมีพื้นฐานมาจากความเจริญมั่นคงของบุคคล แต่การที่บุคคลจะบรรลุถึงความเจริญมั่นคงที่แท้จริงและยั่งยืนได้ จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ 4 อย่าง อย่างแรก คือความรู้ทางวิชาการ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพการงานสร้างตัว สร้างฐานะ อย่างที่สอง คือทักษะความสามารถในการปฏิบัติ
ซึ่งจะทำให้ความรู้ที่มีอยู่บังเกิดผลเป็นประโยชน์ขึ้น อย่างที่สาม คือวิจารณญาณ ซึ่งจะช่วยให้สามารถพิจารณาและวินิจฉัยสิ่งต่าง ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ได้ตามเป็นจริง อย่างที่สี่ คือคุณธรรม ซึ่งคอยกำกับควบคุมความประพฤติปฏิบัติทุกอย่างให้เป็นไปในทางที่ดีที่ถูกต้อง ปัจจัยแห่งความเจริญทั้งมวลนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากบุคคลไม่พยายามฝึกตนอยู่เป็นนิตย์ ทั้งในทางความรู้ความสามารถและความคิดจิตใจ บัณฑิตทั้งหลายได้ทราบดังนี้แล้ว จึงชอบที่จะฝึกฝนอบรมตนให้มีปัจจัยทั้ง 4 อย่างครบถ้วน จะได้เป็นผู้สามารถสร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงในชีวิตและกิจการงาน ให้ประกอบส่งเสริมเข้าด้วยกันกับทุกคนทุกฝ่ายเป็นความเจริญมั่นคงของส่วนรวมและประเทศชาติ"
จากนั้นในเวลา 14.52 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ประจำปีการศึกษา 2559 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส
โอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาทความว่า " บุคคลแต่ละคนย่อมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ตนร่วมอยู่ ข้อนี้หมายความว่า การประพฤติตนปฏิบัติงานของบุคคลมีผลต่อความผาสุกมั่นคงของสังคม และความร่มเย็นเป็นสุขของสังคม ก็มีผลต่อความสุขความเจริญทั้งในชีวิตและกิจการงานของบุคคลเช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ทุกคนผู้เป็นสมาชิกของสังคม จึงมีหน้าที่สร้างสรรค์จรรโลงสังคมของตน ให้เป็นที่ที่ทุกคนจะได้อยู่ได้อาศัยอย่างเป็นสุข และสามารถประกอบกิจการงานให้บังเกิดประโยชน์แก่ตนแก่สังคมได้อย่างเต็มที่ ทั้งหมดนี้ ก็อยู่ที่การประพฤติปฏิบัติของแต่ละคน ที่จะต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนที่ดีงามของสังคม และปฏิบัติกับทุกคนทุกฝ่ายด้วยความมุ่งดีมุ่งเจริญต่อกัน พร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยความสุจริตจริงใจ เมื่อทุกคนทุกฝ่ายเคารพแบบแผนกฎเกณฑ์ที่ดีที่ถูกต้อง และมีความเมตตาปรารถนาดีต่อกันอย่างแท้จริงแล้ว ความผูกพันความพร้อมเพรียงทั้งในการทำงานร่วมกันและการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมก็จะบังเกิดขึ้น อำนวยความสุขความเจริญมั่นคงทั้งแก่บุคคลและสังคมพร้อมทุกส่วน
บัณฑิตผู้จะต้องออกไปดำเนินชีวิตและประกอบกิจการงานในสังคมต่าง ๆ จึงควรจะได้ยึดถือปฏิบัติตามสิ่งที่พูดนี้อย่างเคร่งครัด ด้วยความสำนึกตระหนักในหน้าที่ที่มีต่อสังคมอยู่เสมอ"
ช่วงเย็นหลังเสร็จสิ้นภารกิจ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินประทับแรม ณ เรือนรับรองพิกุลทอง ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่ิอทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา
ถือเป็นความปลาบปลื้มอย่างหาที่สุดมิได้ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่แม้จะเกิดเหตุความรุนแรงและเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในหลายพื้นที่ แต่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารียังคงเดินทางลงพื้นที่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจทุกอย่างตามปกติรวมทั้งประทับแรมในพื้นที่ ยังความปลาบปลื้มและสร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก