เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การที่กฎหมายภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย. 2560 มีผลให้กลุ่มสินค้าบางกลุ่มปรับเปลี่ยนราคาจากเดิม โดยย้ำว่าผู้ประกอบการจะถูกดำเนินการตามกฎหมายหากพบว่ามีการกักตุนสินค้า นำสินค้าในสต๊อกเดิมมาขายในราคาใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม ผู้ใดกักตุนสินค้าควบคุม โดยมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนด หรือไม่นำสินค้าควบคุมที่มีไว้ออกจำหน่าย หรือเสนอขายตามปกติ หรือปฏิเสธการจำหน่ายโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีตามอัตราใหม่นั้นจะทำให้มีเม็ดเงินจากการจัดเก็บภาษีในอัตราใหม่เพิ่มขึ้นในภาพรวม 2% หรือประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท
ตรวจเช็กราคาใหม่! ปรับขึ้นราคาเหล้า เบียร์ บุหรี่ ไวน์นอกปรับขึ้นหนักสุด มีผลวันนี้!
นายสมชาย กล่าวอีกว่า โดยในส่วนของไวน์นำเข้า หากมีราคาเกิน 1,000 บาท จะมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 110 บาท ต่อขวด ส่วนไวน์ที่มีราคาต่ำกว่า 1,000 บาท จะมีราคาลดลง 25 บาทต่อขวด ขณะที่ราคาสุรา หากเป็นสุราขาว จะปรับขึ้น 80 สต. - 3.50 บาทต่อขวด ตามขนาดดีกรี แต่หากเป็นสุรากลั่นในประเทศขนาดขวด 700 มิลลิลิตร 28 ดีกรี จะปรับขึ้น 8 -30 บาทต่อขวด สุรากลั่นในประเทศ 40 ดีกรี ปรับขึ้น 30 บาทต่อขวด สุรานำเข้าที่มีราคาสูง ราคาจะปรับลดลง 2-20 บาทต่อขวด
ส่วนเบียร์ กระป๋อง จะปรับเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ต่อกระป๋อง และแบบขวด จะปรับขึ้น 2 บาทต่อขวดขณะที่ บุหรี่ หากราคาต่ำกว่าซองละ 60 บาท จะจัดเก็บในอัตรา 20 %หรือจะกระทบราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 4-15 บาทต่อซอง ส่วนบุหรี่ที่ราคาเกิน 60 บาท จะจัดเก็บภาษีในอัตรา 40 % หรือราคาจะเพิ่มขึ้น 2-14 บาทต่อซอง โดยในช่วง 2 ปี แรกจะจัดเก็บใน 2 อัตรา และหลังจากนั้นจะใช้อัตราที่เท่ากันที่ ร้อยละ 40 เพื่อให้อุตสาหกรรมบุหรี่ได้มีเวลาปรับตัว
ส่วนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง น้ำผัก ผลไม้ เพิ่มขึ้น 0.06-0.54 บาทต่อลิตร ชาเขียวเพิ่มขึ้น 1.13 -2.05 บาท เพิ่มขึ้น 1.35 บาท เครื่องดื่มบำรุงกำลังเพิ่มขึ้น 0.32 -0.90 บาท ยกเว้นขนาด 150 ซีซี ลดลง 0.11 บาท ส่วนน้ำอัดลม เช่นโค้กซีโร่ เป็บซี่ แม็ก ลดลง 0.25 -0.36 บาท ส่วนเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีความหวานปกติเพิ่มขึ้น 0.13 -0.50 บาท ส่วนเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเทียมไท่เกินเกณฑ์ตามที่องค์การอาหารและยา(อย.) กำหนดและหญ้าหวาน ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การเก็บภาษีเครื่องดื่มตามปริมาณความหวานของเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อสุขภาพหากบริโภคเครื่องดื่มดังกล่าวในระยะแรก จะไม่เพิ่มภาระภาษีมากนักแต่หลังจาก 2 ปี ภาระจะเพิ่มขึ้นและปรับภาษีทุก2 ปี จนถึงปี 2566 รวมทั้งจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการอื่นที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษีเพื่อลดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีความหวาน ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากลองค์การอนามัยโลก (WHO)และกระทรวงสาธารณสุข